เร่ง สปสช. หาทางออก แก้ปมส่งตัวผู้ป่วย – ถูกเก็บเงินเพิ่ม

สภาผู้บริโภค เรียกร้อง สปสช. – คลินิกชุมชนอบอุ่น – กทม. หาทางออก แก้ปัญหาส่งตัวผู้ป่วยในกรุงเทพฯ ย้ำ การเรียกเก็บเงินกับผู้ป่วยเพิ่มเข้าข่ายละเมิดสิทธิเข้ารับบริการสาธารณสุขที่ควรได้รับและสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากถูกเรียกเก็บเงิน – โดนปฏิเสธการรักษา – ไม่ได้รับความสะดวก ร้องเรียนกับสปสช. หรือสภาผู้บริโภค ได้

ตามที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ดำเนินโครงการคลินิกชุมชนอบอุ่นร่วมกับคลินิกเอกชน โดยมีคลินิกในกรุงเทพฯ จำนวนกว่า 300 แห่งเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการเบื้องต้น หรือผู้ป่วยนอก และสามารถส่งตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลหากจำเป็นต้องเข้ารับการรักษา เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติหรือบัตรทองสามารถเข้ารับบริการสุขภาพได้สะดวกและทั่วถึงมากขึ้น โดยมี สปสช. เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้น

วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนหลายรายที่ใช้สิทธิรักษาสุขภาพตามสิทธิบัตรทองในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่สามารถเข้ารับบริการสาธารณสุขตามสิทธิบัตรทองได้กว่า 3,700 เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการถูกปฏิเสธการออกใบส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทำให้ผู้บริโภคไม่ได้รับการรักษาต่อ เนื่องจากคลินิกไม่ได้รับเงินจ่ายชดเชยการให้บริการทำให้ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย หรือมีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลจากผู้ป่วย ซึ่งถือว่าละเมิดสิทธิของผู้ป่วยในการเข้ารับบริการสาธารณสุข

“เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนแล้วที่ปัญหาดังกล่าวไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไข ทำให้ประชาชนยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงเรียกร้องให้ สปสช. คลินิกชุมชนอบอุ่น และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยไม่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือหรือตัวประกันในการต่อรอง และที่สำคัญคือประชาชนควรมีสิทธิเข้ารับบริการสาธารณสุขได้อย่างต่อเนื่องและสะดวกสบายตามสิทธิที่พึงได้รับ” สุรีรัตน์ กล่าว

สุรีรัตน์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องให้ความใส่ใจและยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยเร่งแก้ไขด้านการบริหารจัดการและสนับสนุนงบประมาณที่จำเป็นแก่คลินิก รวมทั้งตรวจสอบคลินิกหรือหน่วยบริการในกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขที่กำหนดอันส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยและดำเนินการตามกฎหมาย ตามมาตรา 59 แห่งพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่กำหนดไว้ว่า “กรณีผู้รับบริการผู้ใดไม่ได้รับความสะดวกตามสมควรหรือตามสิทธิที่จะรับบริการสาธารณสุขที่กำหนด หรือหน่วยบริการเรียกเก็บค่าบริการจากตนโดยไม่มีสิทธิที่จะเรียกเก็บหรือเรียกเก็บเกินกว่าอัตราที่คณะกรรมการกำหนด หรือไม่ได้รับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการภายในระยะเวลาอันสมควร ให้ผู้นั้นมีสิทธิร้องเรียนต่อ สปสช.”

ประธานอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ กล่าวทิ้งท้ายว่า ระบบหลักประกันสุขภาพของไทย คือ การคุ้มครองสิทธิให้ทุกคนได้รับสิทธิการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานโดยเสมอภาคกัน ปัจจุบันผ่านมากว่า 20 ปีนับตั้งแต่มีการก่อตั้งสิทธิบัตรทอง ซึ่งมีทั้งปัญหา อุปสรรค ความสำเร็จ มีการพัฒนาปรับปรุงกมาโดยตลอด แต่ในขณะนี้ยังพบว่ามีเรื่องร้องเรียนจากทั้งผู้ใช้บริการ คือ ประชาชน และผู้ให้บริการ อาทิ คลินิก โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่สะดวกในการใช้บริการและพบปัญหาความล้มเหลวของการบริหารเงินให้แก่หน่วยบริการอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาทางออกให้กับประชาชนโดยเร็ว ทั้งนี้ หากผู้บริโภคถูกเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความไม่สะดวกในการใช้บริการสุขภาพ สามารถร้องเรียนกับ สปสช. ที่เบอร์สายด่วน 1330 หรือสภาผู้บริโภค ที่เบอร์ 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง ที่เว็บไซต์ สภาผู้บริโภค

#ผู้บริโภค #สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค