ชำแหละงบ กทม. 9 หมื่นล้าน พร้อมหนุน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

Getting your Trinity Audio player ready...

รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย กลายเป็นนโยบายที่ประชาชนจับตา เพราะไม่เพียงช่วยลดภาระค่าเดินทาง แต่ยังสะท้อนสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงบริการขนส่งสาธารณะที่เท่าเทียมกัน โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งเป็นเส้นทางหลักภายใต้การบริหารของกทม. ซึ่งมีงบประมาณกว่า 90,000 ล้านบาท และสามารถนำงบประมาณส่วนหนึ่งมาใช้ในโครงการได้อย่างไม่เป็นปัญหา

ส่องงบ กทม. พร้อมอุดหนุน รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย

กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่ากทม. ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าไม่มีปัญหาในการสนับสนุนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่มีข้อกังวลเรื่องบประมาณในการชดเชยรายได้ให้กับเอกชนตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งในความเป็นจริงเมื่อพิจารณางบประมาณของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในปี 2568 ที่มีวงเงินกว่า 90,773 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายหลักด้านการพัฒนาเมืองและคมนาคมราว 11,466 ล้านบาท และด้านจัดการจราจรและระบบขนส่งสาธารณะอีก กว่า 2,977 ล้านบาท รวมทั้งมีงบกลางอีก 17,745 ล้านบาท และงบด้านสิ่งแวดล้อมอีกกว่า 10,272 ล้านบาท

งบประมาณดังกล่าวสามารถปรับจัดสรรเพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายของโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทได้ หากมีการวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนโครงการนี้อย่างจริงจัง โดยมี 4 แนวทาง ดังนี้

  1. บูรณาการกับงบด้านขนส่งและโครงข่ายคมนาคม
    ปัจจุบัน กทม.จัดสรรงบให้ระบบขนส่งสาธารณะและการจราจรเกือบ 3,000 ล้านบาท หากมีการกันส่วนหนึ่งมาอุดหนุนค่าโดยสารให้กับรถไฟฟ้า จะช่วยให้ราคาตั๋วลดลงได้โดยตรง คล้ายโมเดล “บัตรโดยสารร่วม” ที่รัฐบาลหลายประเทศใช้ในการอุดหนุน
  2. ใช้งบกลางเพื่อความเร่งด่วน
    งบกลางของ กทม.ในปี 2568 อยู่ที่ 17,745 ล้านบาท ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับสถานการณ์จำเป็นและนโยบายเร่งด่วน รถไฟฟ้า 20 บาท อาจถูกจัดอยู่ในกรอบนี้ได้ หากแสดงให้เห็นผลตอบแทนทางสังคมและเศรษฐกิจที่ชัดเจน
  3. เชื่อมโยงกับงบด้านสิ่งแวดล้อม
    งบด้านสิ่งแวดล้อมที่มีมูลค่ากว่า 10,272 ล้านบาท สามารถนำมาใช้ในการอุดหนุนระบบขนส่งมวลชนราคาถูกและเข้าถึงได้ ควบคู่ไปกับมาตรการลดรถยนต์ส่วนบุคคล ลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจก รวมถึงโอกาสในการดึง “กองทุนการเงินเพื่อภูมิอากาศ” (Climate Finance) ตามแนวทางที่ประเทศไทยเริ่มใช้ เป็นอีกหนึ่งช่องทางสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท ที่ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน ขณะเดียวกันช่วยลดมลพิษของเมือง
  4. ความร่วมมือรัฐ-เอกชน (PPP) แบบอุดหนุนร่วม
    หากใช้งบกทม.ร่วมกับการเจรจาปรับสัญญาสัมปทานกับผู้ให้บริการ สามารถออกแบบให้เอกชนรับประกันต้นทุนดำเนินงาน ขณะที่กทม.สนับสนุน “ส่วนต่างค่าโดยสาร” เพื่อกดราคาตั๋วลงมา 20 บาท เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถพิจารณาดำเนินการได้เช่นเดียวกัน

ประโยชน์จากการใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ

การบริหารจัดการงบให้เกิดประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง ถือเป็นแนวทางการบริหารเชิงกลยุทธ์ ที่กทม.สามารถนำมาปรับใช้ และผลประโยชน์ที่ได้จะมีมากกว่าการสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นธรรมและเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ จากค่าเดินทางที่ถูกลงจะกระตุ้นกำลังซื้อ เพิ่มรายได้แก่ธุรกิจในเมืองด้านสังคม ช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนกรุงเทพฯ ที่พึ่งพารถยนต์ส่วนตัวกับผู้ใช้รถไฟฟ้า และด้านสิ่งแวดล้อม เป็นการสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่เห็นผล ผ่านการลดการใช้พลังงานฟอสซิล

ปัจจุบันเมืองใหญ่ทั้งในยุโรป เอเชีย มีรูปแบบการบริหารจัดการงบของเมือง รวมถึงมีมาตรการด้านภาษี เพื่อสนับสนุนระบบขนส่งสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้ และเกิดประโยชน์ต่อประชาชนผู้ใช้ชีวิตในเมือง อาทิ ลักเซมเบิร์ก ใช้ระบบขนส่งมวลชนฟรีทั่วประเทศ โดยใช้ภาษีทางอ้อม เช่น ภาษีน้ำมันหรือรายได้จากยานยนต์ส่วนบุคคล ฮ่องกงใช้ระบบบัตรโดยสารร่วม (Octopus Card) เชื่อมต่อทุกการเดินทาง และใช้รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ของระบบรถไฟฟ้า สนับสนุนค่าโดยสาร ทำให้ผู้โดยสารจ่ายไม่สูงเกินจริง หรือ สิงคโปร์ ที่รัฐบาลอุดหนุนค่าโดยสารปีละหลายหมื่นล้านบาท เพื่อให้ค่าตั๋วขนส่งสาธารณะต่ำ และยังเน้นให้มีการปรับขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่กระทบผู้มีรายได้น้อย

นอกจากนี้ กทม.ยังสามารถวางแผนระยะยาว เพื่อบริหารจัดการโครงการได้อย่างต่อเนื่อง ตามที่นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญได้มีการเสนอก่อนหน้านี้ เช่น การจัดตั้งกองทุนถาวรเพื่อขนส่งสาธารณะ การเก็บภาษีหรือค่าธรรมเนียมใหม่ เช่น ค่าธรรมเนียมที่จอดรถใจกลางเมือง (Congestion Charge) รวมถึงเปิดทางให้มีรายได้จากการพัฒนาอสังหาฯ รอบสถานี (Transit-Oriented Development) เป็นต้น

รถไฟฟ้า 20 บาท เป็นโครงการที่ทำได้จริง หาก กทม.สามารถจัดการงบประมาณที่มีอยู่กว่า 90,000 ล้านบาท อย่างมีกลยุทธ์ และบูรณาการมากขึ้น โดยการผสานงบขนส่ง งบกลาง และงบสิ่งแวดล้อม พร้อมเปิดรับแหล่งทุนใหม่จากกองทุนด้านสิ่งแวดล้อม จะทำให้นโยบายนี้เกิดขึ้นได้จริง ที่สำคัญ นี่ไม่ใช่เพียงการอุดหนุนค่าโดยสาร แต่เป็นการลงทุนในคุณภาพชีวิต ความเท่าเทียม และอนาคตเมืองที่ยั่งยืน ซึ่งท้ายที่สุด รถไฟฟ้า 20 บาท จะไม่ใช่เพียงแค่ตั๋วราคาถูก แต่คือสัญลักษณ์ของ “เมืองที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”