ผู้บริโภคช้ำ! รัฐไม่ต่อ รถไฟฟ้า 20 บาท แดง – ม่วง ซ้ำเติมประชาชน

Getting your Trinity Audio player ready...
ผู้บริโภคช้ำ! รัฐไม่ต่อ รถไฟฟ้า 20 บาท แดง - ม่วง ซ้ำเติมประชาชน

หลังเข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม อย่างเป็นทางการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ต่ออายุมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทของสายสีแดงและม่วงที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายนนี้ ทำให้ผู้บริโภคต้องกลับไปใช้ราคาเดิม คือ 14 – 42 บาท ซึ่งหากผู้บริโภคที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าในเมืองอย่างสายสีน้ำเงินและเขียว จะดันค่าโดยสารไปกลับต่อคนโดยรวมสูงกว่า 200 บาท ทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้อาศัยย่านชานเมือง แม้สภาผู้บริโภคจะยืนยันให้รัฐบาลใช้ราคาเดิม 20 บาท ช่วยลดค่าครองชีพประชาชน

ผู้บริโภคช้ำ! รัฐไม่ต่อ รถไฟฟ้า 20 บาท แดง - ม่วง ซ้ำเติมประชาชน

คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า มาตรการรถไฟฟ้า 20 บาท สำหรับสายสีแดงและสีม่วง ถือเป็นนโยบายที่มาถูกทาง และมีผลลัพธ์เชิงบวกทั้งต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโดยรวม การเดินทางที่ถูกลงทำให้ประชาชนโดยเฉพาะผู้อาศัยย่านชานเมือง เข้าถึงโอกาสในการทำงานและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากยุติโครงการ จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์อย่างมหาศาล จึงยืนยันว่าควรต่ออายุมาตรการ และหากเป็นไปได้ควรทำให้ประชาชนหันมาใช้ระบบรถไฟฟ้าอย่างถาวร เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“นโยบายมาถูกทางแล้ว ไม่ควรเปลี่ยน และยิ่งเป็นรัฐบาลรักษาการแค่สี่เดือน ก็ไม่ควรทำให้ประชาชนหรือผู้บริโภคเดือดร้อนมากขึ้น และมองว่าไม่สอดคล้องกับเป้าหมายหรือนโยบายในการลดค่าครองชีพในชีวิตประจำวันให้กับประชาชน ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงนโยบายในการแก้ปัญหาเร่งด่วนให้ประชาชน” คงศักดิ์ กล่าว

1 ปี ผู้โดยสาร – รายได้โตต่อเนื่อง

ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคม รายงานว่า ก่อนเริ่มมาตรการค่าโดยสารสูงสุด 20 บาทตลอดสาย สำหรับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง มีผู้โดยสารใช้บริการอยู่ที่ 9,859 คน-เที่ยวต่อวัน เพียงวันแรกของการดำเนินการผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 27,411 คน-เที่ยว หรือเพิ่มขึ้นทันที 8.45% เมื่อเทียบกับก่อนมาตรการ ส่วนสายสีม่วงเพิ่มขึ้น 4.44% จาก 70,740 คน-เที่ยวต่อวัน เป็น 73,878 คน-เที่ยวต่อวัน

การเปลี่ยนแปลงนี้ สะท้อน “ความอ่อนไหวต่อราคา” (price elasticity) ของผู้โดยสาร และยืนยันว่าการปรับค่าโดยสารลงมาอยู่ในระดับที่จับต้องได้ ช่วยดึงดูดผู้คนให้หันมาใช้ระบบรางแทนการเดินทางรูปแบบอื่นมากขึ้น

ขณะเดียวกันจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยตั้งแต่ตุลาคม 2567 – กุมภาพันธ์ 2568 สายสีแดง มีผู้โดยสารรวม 1,027,458 คน เพิ่มขึ้น 24.88% และ สายสีม่วง ผู้โดยสารรวม 2,026,981 คน เพิ่มขึ้น 4.89% รวมผู้โดยสารสองสายเพิ่มขึ้นกว่า 10.86% ขณะที่รายได้จากค่าโดยสารก็ปรับตัวสูงขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร ช่วยลดผลขาดทุน และลดภาระงบประมาณที่รัฐต้องชดเชย ส่งผลเชิงบวกต่อการคลังของระบบขนส่งในระยะยาว

ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม

มาตรการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางของประชาชน แต่ยังสร้างผลเชิงเศรษฐกิจที่จับต้องได้ ได้แก่

  • ลดเวลาเดินทางและต้นทุนโอกาส ของแรงงานที่ต้องเข้าเมืองทุกวัน
  • ลดอุบัติเหตุและการสูญเสียบนท้องถนน จากการใช้ระบบรางแทนรถยนต์
  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม
  • ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ-สังคม (socio-economic return) ที่ประเมินได้เป็นตัวเลขมูลค่าหลายสิบล้านบาทต่อเดือน

อาจกล่าวได้ว่า นโยบายค่าโดยสาร 20 บาท เป็นหนึ่งในเครื่องมือเชื่อม “โอกาสทางเศรษฐกิจ” ระหว่างชานเมืองกับศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ

หากไม่ต่อมาตรการ รถไฟฟ้า 20 บาท – ความเสี่ยงที่รออยู่

อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลไม่ขยายมาตรการและกลับไปใช้อัตราเดิมตามสัญญาสัมปทาน จะส่งผลกระทบผู้โดยสารโดยตรง เช่น ทำให้ ต้นทุนเดินทางเพิ่มขึ้นทันที โดยเฉพาะแรงงานชานเมือง ความหนาแน่นการจราจรบนถนนอาจกลับมาเพิ่มขึ้น หากผู้โดยสารบางส่วนเลิกใช้ระบบราง และยังลดแรงจูงใจในการปรับพฤติกรรมสู่การใช้ขนส่งสาธารณะ

มาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทของสายสีแดงและสีม่วง ถือเป็นนโยบายที่ดีและเห็นผลจริง ควรได้รับการสานต่อ ไม่ใช่หยุดกลางคัน เพราะรถไฟฟ้า 20 บาท ไม่ได้เป็นเพียงมาตรการด้านคมนาคม แต่คือ นโยบายลดความเหลื่อมล้ำและเชื่อมโอกาสเศรษฐกิจของคนชานเมืองเข้ากับใจกลางเมืองอย่างแท้จริง


“พิพัฒน์” เผย รถไฟฟ้าสาย “สีแดง-ม่วง” กลับไปใช้ราคาเดิม 1 ต.ค.นี้

20 หรือ 40 บาทก็ได้ ขอรัฐบาลใหม่เดินหน้า รถไฟฟ้า ที่ทุกคนขึ้นได้ทุกวัน

ถูก ดี เร็ว ! ครบวงจร ชุมชนหลักหก นำร่อง เส้นเลือดฝอย ขนคนใช้รถไฟฟ้าสีแดง