Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคพบ 11 โครงการ อาคารสูงเข้าข่ายผิดกฎหมาย แบบก่อสร้างไม่ตรงปก หน้าถนนกว้างไม่ถึง 6 เมตร ทำผู้อาศัย-ชุมชนโดยรอบเสี่ยงไม่ปลอดภัย ค้านแก้กฎกระทรวงฉบับที่ 33 เอื้อทุนอสังหา
วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 สภาผู้บริโภค จัดเวที “เปิดผลสำรวจ อาคารสูงเข้าข่ายผิดกฎหมาย ในกรุงเทพมหานคร” หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 11 ชุมชน พบอาคารสูงและอาคารขนาดใหญ่พิเศษที่ก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎกระทรวงฉบับที่ 33 โดยมีเครือข่ายผู้บริโภค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแลกเปลี่ยนปัญหา ข้อคิดเห็น และแนวทางการแก้ไข

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับการร้องเรียนปัญหาอาคารสูงจากชาวบ้าน 11ชุมชน แต่จากการลงตรวจสอบพื้นที่จริงพบปัญหา 13 โครงการก่อสร้างอาคารไม่เป็นไปตามแบบที่ได้ยื่นขออนุญาต หรือแบบ EIA และไม่ได้ก่อสร้างอาคารตามกฎกระทรวงฉบับที่ 33 ที่กำหนดให้มีพื้นที่ว่างและถนนรอบอาคาร 6 เมตร เพื่อความปลอดภัยเมื่อเกิดเพลิงไหม้ รถดับเพลิงจะสามารถวิ่งเข้าไปเพื่อช่วยเหลือและระงับเหตุได้ทันท่วงที ทั้งนี้สภาผู้บริโภคได้ตรวจสอบปัญหาอาคารสูงซึ่งมีแนวโน้มไม่ปลอดภัยหลายกรณี ทั้งย่านรัชโยธิน สะพานควาย และรัชดาภิเษก
“ประเด็นเรื่องอาคารสูง ต้องหาทางออกร่วมกันกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่ออนาคตให้เป็นอาคารที่ปลอดภัยถูกกฎหมาย แต่ไม่ใช่การแก้กฎหมายเพื่อให้สร้างอาคารได้เพราะเป้าหมายของกฎหมายก็เพื่อผู้ใช้ให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด”

ด้าน พรพรหม โอกุชิ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้เข้าไปตรวจสอบหลังจากที่มีชาวบ้านในชุมชนได้มาร้องเรียนพบว่าบางอาคารที่มีการก่อสร้างเข้าข่ายผิดกฎหมายจำนวนหลายอาคารแบบขออนุญาต กับโดยพบอาคารบางส่วน ในแบบโฆษณาไม่ตรงกับแบบก่อสร้างที่ยื่นขออนุญาต เช่น บางพื้นที่นำเอาพื้นที่กำหนดระยะห่างรอบอาคาร 6 เมตร กลายเป็น ที่ชาร์จไฟ รถยนต์ไฟฟ้า บ่อน้ำ พื้นที่ออกกำลังกาย สนามแบดมินตัน สนามเทนนิส ตั้งโต๊ะร้านกาแฟ หรือปลูกต้นไม้ ซึ่งผิดกฎหมาย และไม่ปลอดภัย เนื่องจากไม่มีพื้นที่สำหรับการใช้รถดับเพลิง เข้าออก ซึ่งมีบทเรียนการเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมาจะเห็นว่าหากมีการก่อสร้างถูกตามกฎหมายก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยง ของผู้พักอยู่อาศัยที่จะได้รับอันตรายเมื่อเกิดอัคคีภัยหรือภัยพิบัติต่าง ๆ ขึ้น
“สภาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือต่อกทม.ให้ตรวจสอบอาคารเหล่านี้ไป 10 โครงการแล้ว โดยมีข้อเสนอให้ตรวจสอบอาคารที่ก่อสร้างไปแล้วเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ รวมถึงอาคารที่กำลังจะก่อสร้างและมีแนวโน้มว่าจะทำผิดกฎหมายต่อไปด้วย”
สำหรับ 11 โครงการที่ได้รับการร้องเรียนและพบว่าผิดกฎหมายนั้น ได้แก่ 1. โครงการ Life Ladprao The Valley (ไลฟ์ ลาดพร้าว เดอะ วัลเลย์) 2. โครงการอาคารชุด Life Asoke-Rama 9 (ไลฟ์ อโศก-พระราม 9) 3. โครงการ NYE by Sansiri 4. โครงการ CHAPTER CHULA-SAMYAN (แชปเตอร์ จุฬา-สามย่าน) 5. โครงการ THE KEY สาธร เจริญราษฎร์ 6. โครงการ THE STRAND (เดอะ สแตรนด์) 7. โครงการ Beatniq (บีทนิค) 8. โครงการ ไลฟ์ สาทร เซียร์รา (Life Sathorn Sierra) 9. โครงการ ไอดีโอ คิว จุฬา-สามย่าน (IDEO Q CHULA – SAMYAN) 10. โครงการ เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (TAIT Sathorn 12) 11. โครงการ ไอดีโอ พระราม 9 – อโศก

สินิทธิ์ บุญสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายควบคุมอาคารกรมโยธาธิการ กล่าวว่า ปัญหาของการสร้างอาคาร ตามกฏหมายควบคุมอาคาร 2522 กำหนดว่า ต้องมีผิวการจราจรกว้างไม่น้อยกว่า 6.00 เมตร ที่พบผู้ประกอบการจะมีการดัดแปลงส่วนนี้เพื่อความสวยงามของอาคารเช่นทำเป็นสวน สระน้ำ แต่ในข้อเท็จจริงต้องเป็นผิวจราจรทั้ง 6.00 เมตร ต้องปราศจากสิ่งปกคลุมจะมีแม้แต่กระถางต้นไม้ หรือมาทำเป็นที่จอดรถก็ไม่ได้ เพื่อความปลอดภัยของผู้อาศัยเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้หรือภัยพิบัติ ซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบได้ หากพบว่าอาคารทำไม่ถูกกฎหมายสามารถร้องเรียนไปที่กรุงเทพมหานครหากไม่ได้รับการแก้ไขก็สามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้โดยการฟ้องทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก
“ปัญหาที่เราพบบ่อยมาคือ การออกแบบ 3 แบบไม่ตรงกัน คือแบบที่ขออนุญาตไม่ตรงกับแบบก่อสร้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะพบปัญหานี้หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนขึ้นมาและไปตรวจสอบเป็นคดีฟ้องร้องเราจึงพบปัญหา”

ด้านสุรัช ติระกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานโยธา กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า อาคารสูงที่เข้าข่ายผิดกฎหมายที่สภาผู้บริโภคได้แจ้งข้อมูลมา หากกทม. เข้าตรวจสอบและพบว่าไม่ผิดเยอะเช่นตั้งกระถางต้นไม้กีดขวาง ก็จะแจ้งทางวาจาให้เจ้าของอาคารปรับปรุงซึ่งส่วนใหญ่จะได้รับความร่วมมือ ขณะนี้มีอยู่ 3-4 อาคารที่มีการประสานไปทางวาจาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้วยังไม่ยอมให้เข้าตรวจหรือแก้ไขอ้างว่าต้องการให้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ถ้าอาคารไหนมีลักษณะผิดเยอะก็จะแจ้งให้ทางสำนักงานเขตดำเนินคดี
ส่วนที่ผู้บริโภคมองว่าอาคารไม่เป็นไปตามที่บริษัทได้โฆษณาขายหรือเรียกว่า “ไม่ตรงปก” นายสุรัช กล่าวว่า อย่างที่ระบุกันก่อนหน้านี้ว่าแบบของอาคาร จะมี 3 แบบ คือแบบโฆษณา แบบรับอนุญาต และแบบก่อสร้าง ซึ่งแม้ตามกฎหมายจะให้กทม.เข้าไปตรวจสอบได้ 3 ช่วงเวลาคือก่อนก่อสร้าง ขณะก่อสร้างและก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ปัญหาคือเมื่อเจ้าของโครงการก่อสร้างไประยะหนึ่งก็จะมีการแก้ไขแบบ กว่าเจ้าหน้าที่กทม.จะไปพบ ก็เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำผิด เพราะมีการขออนุญาตแก้ไขแบบ และมีการสร้างตามแบบที่ขอแก้ไข

ส่วนก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาผู้บริโภค กล่าวว่าสภาผู้บริโภคส่งข้อมูลไปยังสำนักโยธาของกรุงเทพมหานครถึงผู้ว่ากทม. โดยปัจจุบันมีอาคารสูงหรืออาคารขนาดใหญ่ร่วมมากกว่า 50 อาคารของทุกค่ายอสังหาริมทรัพย์ที่มีความผิด ซึ่งทางออกต้องไม่เพียงแต่ให้กรมโยธาธิการตรวจสอบแล้วมีการแก้ไขให้ถูกต้องตามแบบที่ขออนุญาตไว้เท่านั้น เนื่องจากมีคนผิดตั้งแต่ต้น ออกแบบพรีวิวกับแบบสุดท้ายตรงกัน แต่แบบขออนุญาตเขียนอีกแบบ ถือเป็นการจงใจยื่นเอกสารเท็จต่อทางราชการ
“การที่ตึกสตง.ถล่มและเราหันมาให้ความสนใจเรื่องการแก้ไขระบบมาตรฐานการก่อสร้าง โดยสส.มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมา ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะวันนี้เรายังมีคนเข้าอาคารจากเหตุแผ่นดินไหว ไม่ได้เป็น 10 อาคารเลย และแผ่นดินไหวมาทางใต้ดิน แต่กลับไม่มีใครพูดเรื่องโครงสร้างใต้ดิน แล้วแก้ปัญหากันแบบไปฉาบไปทาบนผนังที่ร้าวกันจริงๆ มันเป็นเรื่องอันตราย” นายก้องศักดิ์ระบุ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รียกร้อง ”ชัชชาติ” ตรวจความปลอดภัย อาคารสูง 50 เขต ใน 30 วัน