Ribbon

ศาลสูงสุดพิพากษายืน คดี “ดิเอทัส” เปิดทางรื้อถอน 1 ธ.ค.

Getting your Trinity Audio player ready...
คดี “ดิเอทัส” ศาลปกครองสูงสุดยืนตามชั้นต้น จุดเปลี่ยนสำคัญก่อนรื้อถอน 1 ธ.ค.

จากกรณีเมื่อปี 2564 บริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด เจ้าของโครงการโรงแรม “ดิ เอทัส” ได้ยื่นฟ้องกรุงเทพมหานครต่อศาลปกครอง หลังถูกสั่งให้รื้อถอนอาคาร เนื่องจากตรวจพบว่าโรงแรมตั้งอยู่ในซอยร่วมฤดีซึ่งมีเขตทางกว้างไม่ถึง 10 เมตรทั่วทั้งแนว จึงเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 การสั่งรื้อถอนทำให้ทั้ง 2 บริษัทเห็นว่าตัวเองได้รับความเสียหาย จึงยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย แต่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง บริษัททั้ง 2 จึงยื่นอุทธรณ์ และคดีได้ดำเนินต่อมาจนถึงศาลปกครองสูงสุด

ล่าสุด วันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องของบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด โดยให้เหตุผลว่า ตามกฎหมายทั้ง 2 บริษัทซึ่งเป็นผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องภายในระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ กทม. ออกคำสั่ง ทั้งนี้ ผู้ฟ้องคดีได้รับทราบคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2559 แต่กลับยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 จึงเกินกำหนดเวลา แม้ภายหลังผู้อำนวยการเขตจะมีคำสั่งรื้อถอนครั้งที่ 2 ก็เป็นเพียงการยืนยันคำสั่งเดิม ไม่ทำให้ระยะเวลาการฟ้องเริ่มนับใหม่

นอกจากนี้ การฟ้องคดีในครั้งนี้เป็นการฟ้องเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ไม่ใช่เพื่อประโยชน์สาธารณะ และไม่มีเหตุพิเศษที่ศาลจะรับไว้พิจารณาตามกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งไม่รับฟ้อง ส่งผลให้คำสั่งรื้อถอนอาคารยังคงมีผลตามกฎหมายต่อไป

คดี “ดิเอทัส” ศาลปกครองสูงสุดยืนตามชั้นต้น ชี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญก่อนรื้อถอนจริง 1 ธ.ค. : สารี อ๋องสมหวัง

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาผู้บริโภค กล่าวขอบคุณศาลปกครองสูงสุดสำหรับความยุติธรรมที่ได้รับจากคดีนี้ พร้อมกล่าวรำลึกถึง “บุคคลสำคัญผู้อยู่เบื้องหลัง” ในเส้นทางกระบวนการยุติธรรม แต่ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว ได้แก่ ศาสตราจารย์นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ผู้เริ่มต้นร้องเรียน และเฉลิมพงษ์ กลับดี ทนายความผู้ผลักดันคดีอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งสองเป็นผู้วางรากฐานสำคัญให้เกิดการตรวจสอบ และทำให้คดีสามารถดำเนินการมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ยังกล่าวขอบคุณผู้ร้องเรียนในซอยร่วมฤดีที่ร่วมมือกับ ศ.นพ.สงคราม และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ทำงานอย่างเข้มแข็งในขั้นตอนดำเนินคดี รวมถึงทีมสนับสนุนจากสภาผู้บริโภคที่รับช่วงการติดตามและประสานงานด้านการบังคับคดีต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วิศณุ สำราญรมย์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ให้คำมั่นจะปิดป้าย ล้อมรั้วอาคารดิเอทัส พร้อมเตรียมเข้าสู่กระบวนการรื้อถอนอาคาร ซึ่งมีกำหนดเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 ธันวาคมนี้

“คดี ‘ดิเอทัส’ เป็นคดีตัวอย่างที่เกิดจากบูรณาการความร่วมมือของประชาชน หน่วยงานรัฐ ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชนที่ติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้กรณีนี้เป็นแรงผลักดันสำคัญให้มีการยกระดับมาตรการกำกับดูแลอาคารสูงในซอยแคบทั่วกรุงเทพฯ  ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและประโยชน์สาธารณะอย่างเป็นระบบต่อไป” สารี กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับโครงการดิเอทัส ถือเป็นมหากาพย์แห่งการต่อสู้ยาวนานเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ผู้บริโภค โดยมีนายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ (ปัจจุบันถึงเสียชีวิตไปแล้ว) ผู้ได้รับผลกระทบเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการ หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย แม้ศาลปกครองจะมีคำสั่งให้รื้อถอนอาคารตั้งแต่ปี 2557 แต่ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวยังไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลอย่างครบถ้วน ซึ่งสะท้อนปัญหาที่อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ


ศาลปกครองสูงสุด ไม่รับคำร้อง บริษัทตึกสูงซอยร่วมฤดี ยื่นฟ้องกทม.กระทำละเมิด เป็นเหตุให้รื้อถอนตึก