Ribbon

ฟันธง! ว่าตามตัวบท กม. หมอสรณ ขาดคุณสมบัติ กสทช. แล้ว

Getting your Trinity Audio player ready...

สภาผู้บริโภคจัดเวทีเสวนาวิเคราะห์กฎหมาย ถอดไทม์ไลน์ กรณี ‘นพ.สรณ’ ขาดคุณสมบัติประธาน กสทช. เร่งมหิดลชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว ชี้ต้องลาออกหากมีคุณสมบัติต้องห้าม ตามกฎหมาย กสทช.

วันนี้ (31 พฤษภาคม 2567) สภาผู้บริโภค จัดเวทีเสวนา ‘เปิดกฎหมาย : ประธาน กสทช. ขาดคุณสมบัติหรือไม่’ โดยมี ผศ. ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ร่วมแลกเปลี่ยน วิเคราะห์กฎหมาย และถอดไทม์ไลน์กรณีดังกล่าว

สำหรับภาพรวมของเวทีมีการตั้งข้อสังเกตถึงสถานะความเป็น “พนักงานหรือลูกจ้าง” มหาวิทยาลัยมหิดล ของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ รักษาการประธาน กสทช. ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 8 (2) ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ปี 2553 อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องระยะเวลาของการลาออกซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ. ฉบับเดียวกัน โดยไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจนจากทั้ง นพ. สรณ และมหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งนี้ คาดหวังให้ นพ. สรณ และมหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว และหากขาดคุณสมบัติจริงควรแสดงความจริงใจด้วยการลาออกจากตำแหน่งเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ถือว่าเป็นองค์กรสำคัญในการกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคม ที่จะต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงเครือข่ายในราคาที่เป็นธรรม การเข้าถึงสื่อโทรทัศน์ที่ไม่มากไปด้วยโฆษณาที่ผิดกฎหมายหรือโฆษณาที่ทำให้ผู้บริโภคหลงผิด และปัญหาเอสเอ็มเอสหลอกลวง

สิ่งที่สภาผู้บริโภคอยากเห็นคือความชัดเจน ความถูกต้องและความโปร่งใสของการเปิดเผยข้อมูล เพื่อที่จะทำให้มติต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นไปอย่างถูกต้อง และรักษาประโยชน์ของผู้บริโภคโดยเฉพาะเรื่องด้านการคุ้มครองผู้บริโภค

“สภาผู้บริโภคต้องการเห็นความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะมีผลต่อการลงมติในกรณีที่ออกเสียงใกล้เคียงกัน เนื่องจากว่า องค์คณะ กสทช. มี 7 คน หากประธานอยู่ข้าง 4 เสียง มตินั้นมีปัญหาแน่นอน ไม่ว่ามตินั้นจะเป็นผลดีหรือผลเสียต่อผู้บริโภค และหากว่ามีการลงมติด้านการคุ้มครองผู้บริโภคแล้วไม่มีผล แต่ถือว่ามีผลแล้วก็จะส่งผลต่อการปฏิบัติตามหรือการดำเนินการในอนาคต เพราะฉะนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจน จะได้ไม่มีข้อโต้แย้งจากกรรมการ หรือผู้ประกอบการที่ต้องปฏิบัติตาม ว่าสรุปแล้วจะต้องปฏิบัติตามอย่างไรต่อไป” สารีระบุ

ทางด้าน ผศ. ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชี้ให้เห็นว่า จากข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารของมหาวิทยาลัยมหิดลเลขที่ อว. 78/ล ที่ส่งไปยังคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ตามคำขอจากกรรมาธิการ ยังสร้างความคลุมเครือและมีประเด็นที่สร้างความสงสัยให้แก่สังคมในหลายประเด็น ทั้งประเด็นที่มหาลัยมหิดลชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2564 จนถึงวันที่ 12 เมษายน 2565 นพ.สรณ มีสถานะเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ต่อมาวันที่ 8 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 12 เมษายน 2565 มีสถานะเป็นแพทย์ค่าตอบแทนรายชั่วโมง โดยตั้งคำถามว่าช่วงเวลาจนถึงวันที่ 12 เมษายน 2565 นพ.สรณยังเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ใช่หรือไม่

ทั้งนี้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 8 (2) ระบุว่า ‘ต้องไม่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐ…’ และผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช. ต้องแสดงหลักฐานว่าได้ลาออกจากการเป็นลูกจ้างหรือพนักงานของหน่วยงานรัฐ ภายใน 15 วัน ตามมาตรา 18 ของ พ.ร.บ. กสทช.

ดังนั้น วันที่ 20 ธันวาคม 2564 นพ.สรณได้รับเลือกให้เป็นกรรมการ กสทช. หากนับระยะเวลา 15 วัน จะครบกำหนดวันที่ 4 มกราคม 2565 นพ.สรณ ควรจะมีหลักฐานที่แสดงว่าได้ลาออกภายในวันดังกล่าวแล้วหรือไม่ แต่หลักฐานแสดงออกมาว่านพ.สรณ ได้ลาออกวันที่ 8 มกราคม 2565 ซึ่งประเด็นนี้หากมีการตีความและนับวันหยุดเข้าไปด้วยอาจจะสามารถตีความเป็นวันที่ดังกล่าวได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากการแสดงหลักฐานการลาออกไม่เป็นไปตามกฎหมายในมาตรา 18 ถือว่าไม่เคยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการมาตั้งแต่แรก ซึ่งขั้นตอนอาจไม่ชอบด้วยกฎหมายก่อนที่จะโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ กสทช.

 ขณะที่ประเด็นการเป็นแพทย์ค่าตอบแทนรายชั่วโมงของนพ.สรณ นั้นถือว่านพ.สรณ เป็นลูกจ้างของมหาวิทยาลัยมหิดลใช่หรือไม่นั้น พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายของคำว่าลูกจ้างว่า ‘ผู้รับจ้างทำการงานผู้ซึ่งตกลงทำงานให้นายจ้างโดยได้รับค่าจ้าง ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไร โดยมิคำนึงถึงว่าจะมีการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ หรือได้รับค่าตอบแทนเป็นค่าจ้าง สินจ้าง หรือค่าตอบแทนในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินอย่างอื่น’

“ยกตัวอย่างกรณีนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นพิธีกรรายการทำอาหารและได้รับเพียงค่ารถสำหรับการมาทำงานที่ได้รับเท่านั้น สุดท้ายต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าเป็นค่าจ้าง ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ที่ระบุว่า ‘ห้ามนายกฯ มีตำแหน่งใด ๆ ในห้างหุ้นส่วนบริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใด’ ในกรณีของนพ.สรณ นั้น หากเข้าข่ายการเป็นลูกจ้างของหน่วยงานรัฐ ควรที่จะถือกติกาและข้อบังคับต่าง ๆ อย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับกรณีอื่น ๆ” ผศ.ดร.ปริญญา ระบุ

ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยมหิดลนำข้อเท็จจริงที่สร้างความคลุมเครือนำเสนอให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเป็นพนักงานของหน่วยงานรัฐ ความเป็นลูกจ้างยังคงอยู่ หรือการรับค่าจ้างภายในเดือนเมษายน 2565 ทั้งที่มีการแจ้งลาออกตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2565 แล้ว เนื่องจากการเข้ามาเป็นกรรมการ กสทช. มีการใช้อำนาจรัฐในการดำเนินงานต่าง ๆ รวมถึงการรับเงินเดือนจากภาษีประชาชน ควรมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดทุกขั้นตอน หากพบว่า หากกมธ.เทคโนโลยี วุฒิสภาฯ ได้ตรวจสอบและพิจารณาพบว่าขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ กสทช. มีลักษณะต้องห้าม ควรมีการดำเนินตามข้อกำหนดกฎหมายโดยทันที

ขณะที่ ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ประธานคณะกรรมการการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึง ความคาดหวังด้านธรรมาภิบาลและจริยธรรมว่า ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องย่อมตระหนักรู้อย่างชัดเจนว่าประเด็นเรื่องจรรยาบรรณและธรรมาภิบาลมีความสำคัญมาก ในฐานะแพทย์ต้องกำหนดคุณสมบัติและตรวจสอบประสบการณ์ความรู้ก่อนจะไปรักษาคนไข้ ซึ่งในทางปฏิบัติมีการตรวจสอบอย่างเคร่งครัดเนื่องจากเป็นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย ในทำนองเดียวกัน การทำหน้าที่ กสทช. ย่อมมีผลต่อสังคม ผู้บริโภคที่ใช้บริการเทคโนโลยี จึงมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ดังนั้น การเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ที่เป็น “ประธาน” ต้องได้รับการคัดเลือกและเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ด้วยวิธีการที่ถูกต้องที่เป็นไปตามข้องกำหนด

สำหรับกรณีของ นพ.สรณ เมื่อเกิดการตั้งคำถามเรื่องคุณสมบัติก็ต้องมีการชี้แจงข้อเท็จจริงอย่างชัดเจน เพื่อให้สังคมคลายความกังวล แต่หากสิ่งที่สังคมตั้งข้อสังเกตเป็นเรื่องจริง และขาดคุณสมบัติการเป็นประธาน กสทช. จริง นพ.สรณ ควรแสดงความจริงใจด้วยการลาออก เพื่อความสง่างามและเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีต่อสังคม

“ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ หรือ กสทช. ก็สามารถสร้างประโยชน์ต่อสังคมได้มากมาย แต่ต้องทำอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามกติกา สังคมจึงจะให้ความยอมรับและเชื่อถือ อีกทั้งเป็นตัวอย่างให้คนในสังคมเห็นว่า แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองก็ยังรักษากติกา ซึ่งเป็นกติกาที่ท่านเป็นผู้เขียนขึ้นเอง หากคุณสมบัติท่านไม่สามารถเป็นไปตามกติกา ก็สามารถลาออกและเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่อีกครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามกติกาและนับเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่มีคุณธรรม” ประธาน ครป. กล่าว

ดร.ลัดดาวัลย์ กล่าวอีกว่าในฐานะประธาน ครป. ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบหน่วยงานพบว่า ปัญหาในสังคมไทยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเกิดจากการไม่บังคับใช้ การละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือการหาประโยชน์จากเรื่องการทำผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ทำให้สังคมวุ่นวาย

“การบังคับใช้กฎหมายควรเป็นไปอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สังคมดำเนินไปในทิศทางที่ควรจะเป็นไป ไม่ใช่บังคับใช้แบบอนุโลม หากเราไม่สนใจที่จะบังคับใช้รัฐธรรมนูญ ข้อกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ก็จะมีช่องโหว่ที่ให้คนสามารถกระทำผิดได้โดยไม่ได้รับโทษ เกิดการทำผิดซ้ำ ๆ จนในที่สุด อาจจะบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยที่เราไม่สามารถแก้ไขได้” ดร.ลัดดาวัลย์ กล่าวทิ้งท้าย

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ครป. และสภาผู้บริโภค ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สำนักงาน กสทช. เรียกหลักฐานจากมหาวิทยาลัยมหิดล ที่แสดงถึงสถานะการเป็น “ลูกจ้างรายชั่วโมง” ที่ได้รับผลตอบแทนของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ก่อนและหลังการได้รับการสรรหาเป็นกรรมการ กสทช. (อ่านแถลงการณ์ได้ที่ : https://www.tcc.or.th/cpd-tcc-reveal-property-nbtc-declaration/)

อีกทั้งเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย สภาผู้บริโภค พร้อมด้วยเครือข่ายผู้บริโภคกรุงเทพมหานครได้เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม (กมธ.ไอซีที) วุฒิสภา เพื่อขอให้พิจารณาและเปิดเผยรายงานผลการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของ นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ รักษาการประธาน กสทช. (อ่านข่าวได้ทื่ : https://www.tcc.or.th/28052567_president-nbtc-inspected_news)

#ผู้บริโภค #สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค