Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภคเตือนประชาชนทำสินเชื่อกับบริษัทสินเชื่อขนาดใหญ่ ต้องเลือกบริษัทให้เงินกู้อยู่ภายใต้ ธปท. ตรวจสอบ สัญญาเงินกู้ ให้ชัดเจน มีสิทธิขอเอกสารสัญญามาตรฐานแบบอ่านง่าย พร้อมต้องตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยแท้จริง (EIR) ไม่ใช่แค่อัตราที่โฆษณาชวนเชื่อ
กรณีศึกษาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวโทษ 2 บริษัทสินเชื่อรายใหญ่ ได้แก่ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด ที่มีพฤติการณ์คิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน ถือเป็นการเอาเปรียบและฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สภาผู้บริโภคเตือน ผู้บริโภคต้องรู้เท่าทันตรวจสัญญาสินเชื่ออย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเลือก โดยมีข้อแนะนำ 5 ข้อควรระวังก่อนทำสัญญากู้เงิน ทั้งตรวจใบอนุญาตผู้ให้กู้ต้องเป็นธนาคารที่อยู่ภายใต้ ธปท. ต่อมา กรณีที่เลือก “นอนแบงก์” (Non-Bank) หรือบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน พร้อมเลือกนาโนไฟแนนซ์ ที่เป็นสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ตลอดจน “พิโกไฟแนนซ์” สินเชื่ออเนกประสงค์ถูกกฎหมายระดับจังหวัด ทั้งหมดช่วยหลีกเลี่ยงเงินกู้นอกระบบ ตลอดจนอ่านสัญญาทุกหน้าห้ามเซ็นชื่อบนเอกสารเปล่าที่ยังไม่มีการบันทึกเนื้อหาสัญญา พร้อมขอสัญญาที่เข้าใจง่าย เน้นพิจารณาอัตราดอกเบี้ยแท้จริง (EIR) รวมทุกค่าธรรมเนียมไม่ใช่แค่อัตราที่โฆษณาและห้ามคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน ต้องขอใบเสร็จทุกครั้ง รวมถึงสามารถปิดหนี้ก่อนกำหนดได้ อีกทั้งผู้ให้กู้ต้องแจ้งเงื่อนไขครบ มุ่งเก็บหลักฐานต้องสำเนาสัญญาและใบเสร็จ เพื่อใช้หากมีปัญหาในอนาคต
สำหรับ 5 ข้อควรรู้ก่อนเซ็น สัญญากู้เงิน
ข้อควรระวังสำคัญก่อนตัดสินใจทำสัญญากู้เงิน เพื่อความปลอดภัยและเป็นธรรมแก่ทุกคน โดยสภาผู้บริโภคแนะนำให้ตรวจสอบและทำความเข้าใจประเด็นสำคัญก่อนลงชื่อในสัญญากู้เงินทุกครั้งใน 5 ข้อด้านได้แก่
1. ตรวจสอบสถานะและใบอนุญาตของผู้ให้กู้
– การเลือกทำสัญญากับธนาคารที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
– หากเลือกกู้สินเชื่อจากบริษัทที่ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร “นอนแบงก์” (Non-Bank) ซึ่งมีความแตกต่างจากธนาคาร คือ บริษัทซึ่งไม่ใช่สถาบันการเงิน ทั้งบริษัทสินเชื่อบัตรเครดิต, สินเชื่อส่วนบุคคล, ลิสซิ่ง ต้องมีใบอนุญาตจาก ธปท. ผู้กู้ควรสอบว่าบริษัทเหล่านี้ได้รับใบอนุญาตแล้วหรือไม่
– สำหรับสินเชื่อทะเบียนรถ / จำนำทะเบียนรถ ควรตรวจสอบว่าผู้ให้กู้มีใบอนุญาตทั้ง นาโนไฟแนนซ์ โดยเป็นสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยหรือมีรายได้ไม่ประจำ นำไปประกอบอาชีพ และพิโกไฟแนนซ์ หรือสินเชื่ออเนกประสงค์ถูกกฎหมายระดับจังหวัด ทำให้ประชาชนมีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อที่ถูกกฎหมายมากขึ้น หรือส่วนที่ให้บริการได้ในเฉพาะพื้นที่จังหวัดที่อยู่ในแต่ละภูมิลำเนา ที่อยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลัง
– ไม่ควรกู้เงินกับบริษัทที่ไม่มีใบอนุญาตเด็ดขาด เนื่องจากเสี่ยงเป็นเงินกู้นอกระบบ ผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่การข่มขู่ ยึดทรัพย์ หรือใช้ความรุนแรงได้
2. อ่านเงื่อนไขสัญญาให้ครบทุกหน้าพร้อมตรวจสอบรายละเอียดถี่ถ้วนก่อนลงชื่อ
– อ่านสัญญาให้รอบคอบ จำนวนเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย วันที่ทำสัญญา พร้อมขอสำเนาสัญญาทุกครั้ง
– ห้ามลงลายมือชื่อในกระดาษเปล่าเด็ดขาด หรือสัญญาที่มีการเว้นช่องว่างผิดปกติ เนื่องจากผู้ให้กู้อาจจะเติมข้อความหรือเนื้อหาอื่นๆ ในสัญญาหลังจากที่ได้เซ็นชื่อไปแล้ว
– ทุกคนมีสิทธิขอทำสัญญาแบบมาตรฐานที่อ่านเข้าใจง่าย หากพบว่าบริษัทร่างสัญญาที่ซับซ้อน เข้าใจยาก
3. ทำความเข้าใจเรื่องดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมทั้งหมด
– อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Effective Interest Rate – EIR) เป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณา EIR คือต้นทุนการกู้ยืมที่แท้จริงต่อปี โดยรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด เช่น ค่าจัดการเงินกู้ ค่าธรรมเนียมทำสัญญา หรือค่าปรับต่างๆ แต่ไม่ใช่แค่อัตราดอกเบี้ยที่โฆษณา (Nominal Rate)
– สำหรับสินเชื่อบางรายการบริษัทอาจโฆษณาว่าดอกเบี้ยต่ำ แต่เมื่อรวมค่าธรรมเนียมทั้งหมด ดอกเบี้ย EIR อาจสูงมาก
– ค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าติดตามทวงหนี้ หรือค่าปรับชำระล่าช้า ต้องระบุไว้อย่างชัดเจนในสัญญา
– ห้ามคิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย หรือ ดอกเบี้ยทบต้นเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยเมื่อพบว่าบริษัทมีการนำดอกเบี้ยค้างชำระหรือค่าธรรมเนียมเดิมไปรวมเป็นเงินต้นใหม่เพื่อคิดดอกเบี้ยซ้ำ ถือเป็นการเอาเปรียบและผิดกฎหมาย และบริษัทไม่ควรแก้ไขสัญญาโดยไม่แจ้งล่วงหน้า หรือไม่ได้เป็นสัญญาตามที่ ธปท. กำหนดไว้
4. รู้จักสิทธิของผู้กู้ตามกฎหมาย
– ทั้งนี้ผู้บริโภคมีสิทธิขอใบเสร็จรับเงินทุกครั้งที่ชำระเงินกู้
– ผู้กู้มีสิทธิชำระหนี้ก่อนกำหนด และผู้ให้กู้จะต้องคิดดอกเบี้ยเฉพาะวันที่ใช้เงินจริงเท่านั้น
– ธนาคารและ บริษัทที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน “นอนแบงก์” ต้องแจ้งอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมทั้งหมดล่วงหน้า
-ผู้กู้สามารถปิดสัญญาสินเชื่อก่อนครบกำหนดได้
5. การเก็บข้อมูลหลักฐาน
– ผู้ทำสัญญาควรเก็บสำเนาสัญญาและใบเสร็จรับเงินทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานหากเกิดปัญหาในภายหลัง
สำรวจอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แต่ละประเภท
สำหรับประเภทสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ยโดยประมาณ ตามเพดานตามกฎหมายที่ได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ประเภทสินเชื่อและเพดานดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนดไว้จะมีหลักๆ ทั้ง
– สินเชื่อบ้าน / ที่อยู่อาศัย โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าแบบอื่นๆ และธนาคารจะให้อัตราแตกต่างกัน พร้อมเปิดให้ผ่อน 10-30 ปี สำหรับผู้ให้กู้หลักทั้ง ธนาคาร และ “นอนแบงก์”
– สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ต้องใช้หลักประกัน มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี โดยผู้ให้กู้หลักทั้งธนาคาร และ นอนแบงก์
– บัตรเครดิต มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 16% ต่อปี โดยผู้ให้กู้หลักทั้ง ธนาคาร และ นอนแบงก์
– สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ/ลิสซิ่ง อัตราดอกเบี้ยรวมทุกค่า (EIR) ไม่เกิน 24% ต่อปี โดยมีผู้ให้กู้หลักเป็น นอนแบงก์
– สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ / มอเตอร์ไซค์ อัตราดอกเบี้ยรวมประมาณ 10-13%
– นาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) เหมาะสำหรับผู้ไม่มีรายได้ประจำ และไม่ต้องมีหลักประกัน กำหนดวงเงินสูงสุด 100,000 บาท กำหนดดอกเบี้ยสูงสุด 33% ต่อปี โดยผู้ให้กู้หลักเป็นนอนแบงก์ที่ได้รับใบอนุญาต
– พิโกไฟแนนซ์ (Pico Finance) สำหรับกู้รายย่อยในจังหวัด กำหนดวงเงินสูงสุด 50,000 บาท ดอกเบี้ยสูงสุด 36% ต่อปี โดยผู้ให้กู้หลักผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง
– สัญญากู้ยืมระหว่างบุคคลทั่วไป อัตราดอกเบี้ยต้องไม่เกิน 15% ต่อปี และหากกู้เกิน 2,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม เนื่องจากจะฟ้องบังคับคดีได้ยาก
ทำความรู้จักผู้ให้บริการสินเชื่อในไทย
สำหรับการมีผู้ให้บริการสินเชื่อเพิ่มเติม นอกจากการมีธนาคารนั้น มาจากการเปิดโอกาสให้คนที่เข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารได้ค่อนข้างยากลำบากจากข้อจำกัดคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อหลากหลายประเภทได้มากขึ้น
– “นอนแบงก์” (Non Bank) เป็นผู้ให้บริการทางด้านการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ให้สินเชื่อหลากหลายประเภท โดยเปิดโอกาสให้คนทั่วไปเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ ซึ่งที่ถูกกฎหมายจะต้องได้รับการอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
– นาโนไฟแนนซ์ (Nano Finance) เป็นสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ ที่มุ่งให้บุคคลธรรมดา เน้นคนที่ไม่มีรายได้ประจำ หรืออาชีพอิสระ ทำให้ได้มีเงินทุนในการประกอบอาชีพและการใช้ขอเอกสารจะน้อยกว่า
– สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด พิโกไฟแนนซ์ (Pico Finance) เป็นช่องทางใหม่ให้แก่ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุน โดยผู้ให้บริการต้องได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและผู้เข้าใช้บริการต้องอยู่ในจังหวัดเดียวกัน มุ่งเน้นการปัญหาหนี้นอกระบบ
ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยหรือถูกเอาเปรียบ สามารถร้องเรียนได้ที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โทร. 1213 กด 99 เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ให้กู้ที่ถูกกฎหมาย และร้องเรียนเกี่ยวกับสถาบันการเงิน พร้อมกันนี้ผู้บริโภคที่พบปัญหาจากสัญญากู้ยืมเงิน ต้องเก็บหลักฐานต่างๆ ไว้ อีกทั้งสามารถเข้ามาร้องเรียนได้ที่สภาผู้บริโภค โทร 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสภาผู้บริโภค (……)
อย่างไรก็ตามบริษัทสินเชื่อที่เกิดปัญหาได้ ถูก ธปท. กล่าวโทษในการทำสัญญาสินเชื่อต่อลูกค้า ทั้ง บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล ถูกกล่าวในกรณีที่ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระสำหรับ “สินเชื่อส่วนบุคคล” และ “สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ” โดยมีการปิดสัญญาเดิมและนำดอกเบี้ยค้างชำระและค่าธรรมเนียมเดิมไปรวมเป็นเงินต้นใหม่แล้วคิดดอกเบี้ยซ้ำบนเงินต้นใหม่นี้อีกครั้ง หรือที่เรียกว่า “คิดดอกเบี้ยทบต้น” ซึ่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังและประกาศ ธปท. ทางด้าน บริษัท ออโต้ เอกซ์ ถูกกล่าวโทษในกรณี “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” ซึ่งบริษัทได้นำดอกเบี้ยค้างรับเดิมไปรวมกับเงินต้นคงค้างเพื่อสร้างเงินต้นใหม่และคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ต่อ ทำให้เป็นการคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อนเช่นกัน ทั้งหมดเป็นการละเมิดหลักเกณฑ์สำคัญหลายฉบับของ ธปท. และกระทรวงการคลัง
สำหรับ ทั้งสองบริษัทได้ยุติการจัดทำสัญญาที่มีลักษณะฝ่าฝืนหลักเกณฑ์แล้ว และกำลังเยียวยาลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ โดยคดียังอยู่ระหว่างสอบสวน โดยจากเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเป็นบทเรียนสำคัญที่ผู้บริโภคควรเรียนรู้ เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเอาเปรียบและอาจเกิดเสี่ยงสู่การเป็นหนี้ระยะยาวแบบไม่รู้จบ