
ใครจะคิดว่า เนอร์สซิ่งโฮม สถานที่ที่ตั้งใจพาพ่อไปเพื่อให้ได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ด้วยค่าบริการที่สูงถึง 20,000 บาทต่อเดือน จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด เพียง 6 วัน ที่เธอต้องรีบพาพ่อกลับบ้านพร้อมแผลกดทับ และการต่อสู้เพื่อทวงคืนความเป็นธรรม
สำหรับ “คุณพร” วันนั้นเป็นวันที่เธอคิดว่าได้ตัดสินใจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้พ่อวัยชราที่เริ่มต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด เธอเลือก เนอร์สซิ่งโฮมแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานดูแลและฟื้นฟูผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ที่ถูกโฆษณาว่ามีทีมผู้เชี่ยวชาญ ดูแลใส่ใจ และมีบริการฟื้นฟูผู้สูงอายุครบวงจร แม้ค่าบริการรายเดือนจะสูงถึง 20,500 บาท แต่เธอคิดว่า “ถ้าพ่อได้อยู่ในที่ที่ปลอดภัยและมีคนดูแลแบบมืออาชีพ ก็คุ้มแล้ว”
แต่เพียงแค่ 6 วันหลังพาพ่อไป เธอก็ต้องรีบพากลับบ้าน พร้อมความเจ็บปวดที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลย
คุณพรพบว่า พ่อมี “แผลกดทับ” ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าผู้ป่วยไม่ได้ถูกดูแลอย่างเหมาะสมตามมาตรฐาน เธอหัวใจหล่นวูบทันที สถานที่ที่ควรดูแลพ่อ กลับเป็นที่ที่ทำให้เขาเจ็บเพิ่มขึ้น
เมื่อกลับมาดูแลพ่อที่บ้าน คุณพรจึงติดต่อกลับไปยัง เนอร์สซิ่งโฮม เพื่อขอเงินคืนบางส่วน เพราะเธอใช้บริการเพียง 6 วันจาก 30 วันเต็ม แต่สิ่งที่ได้รับกลับคือ การบ่ายเบี่ยง หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ และปฏิเสธการคืนเงินโดยไม่มีคำอธิบาย
จากความผิดหวังจึงกลายเป็นความจำเป็นต้อง “ร้องเรียน”
เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม คุณพรจึงเรื่องร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค ทีมเจ้าหน้าที่จึงช่วยประสานงานและเจรจากับผู้ประกอบการ เนื่องจากมีการผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่ยอมคืนส่วนต่างของเงิน โดยอ้างว่า “เป็นบริการเหมารายเดือน” และ “ไม่ใช่ความผิดของทางศูนย์ที่ผู้ใช้บริการอยู่ไม่ครบเดือน”
แต่คุณพรยืนยันหนักแน่น เหตุที่ต้องพาพ่อออก ไม่ใช่เพราะเหตุส่วนตัวใด ๆ แต่เพราะพ่อมีบาดแผลกดทับ บาดเจ็บจากการถูกละเลย ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบของผู้ให้บริการโดยตรง
สภาผู้บริโภคได้ช่วยเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ย จนสุดท้ายผู้ประกอบการยอมคืนเงินให้บางส่วน โดยโอนคืนให้จำนวน 14,000 บาท คิดเป็นเงินส่วนที่เหลือหลังหักค่าใช้บริการ 6 วัน จำนวน 6,500 บาท
แม้จะได้คืน แต่ประสบการณ์ครั้งนี้ทิ้งรอยเจ็บในใจเธอ ไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะคนที่เธอรักถูกละเลยในสถานที่ที่ควรทำหน้าที่ดูแลอย่างดีที่สุด
สำหรับผู้บริโภคที่พบเจอปัญหาจากการใช้บริการ ขอแนะนำตรวจสอบสัญญาให้ละเอียดก่อนทำสัญญา ว่ามีข้อจำกัดหรือข้อที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ หากได้รับความเสียหาย กรณีใช้บริการ เช่น มีแผลกดทับ หรือลักษณะคล้ายถูกทำร้าย ให้ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน และแจ้งให้เจ้าของสถานดูแลทราบ รวมถึง เก็บหลักฐานสัญญา หลักฐานการจ่ายเงิน การโฆษณา และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อศูนย์ เพื่อประสานงานเมื่อมีการขอยกเลิกสัญญาและขอเงินคืน
แต่หากศูนย์บริการไม่คืนเงิน ให้ผู้บริโภคดำเนินการขั้นต่อไป เช่น แจ้งความกรณีไม่คืนเงิน หรือร้องเรียนมาที่สภาผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.tcc.or.th/ หรือโทร 1502 ในวันเวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น.


