
“ได้ยา…แต่ไม่รู้ว่ายาอะไร” ปัญหาที่ผู้บริโภคหลายคนเคยเจอ ซองยาไร้ฉลาก ฟังดูเล็กน้อย แต่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ แต่รู้ไหม หากพบฉลากยาไม่ครบ แจ้งดำเนินคดีได้
หนึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้บริโภครายนี้มีอาการปวดหลัง ได้เข้ารับการรักษาที่คลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังซักประวัติเรียบร้อยก็ได้รับยาโดยไม่มีการอธิบายใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับตัวยา
“พอเข้าใจได้ว่าคนไข้เยอะ คุณหมออาจจะไม่มีเวลาอธิบาย เพราะคุณหมอตรวจคนไข้เพียงคนเดียว และจ่ายยาให้คนไข้เพียงคนเดียวเช่นกัน แต่ที่หน้าซองยาก็ไม่มีการเขียนชื่อยา พอขอรายละเอียดชื่อยา แต่คุณหมอก็ไม่ให้” ผู้บริโภคเผย
ทั้งนี้ ผู้บริโภคได้อธิบายต่อว่า ที่ขอรายละเอียดของยาก็เพื่อที่จะมาใช้เบิกกับที่ทำงานของตนเอง เพราะถ้าหากไม่ระบุรายละเอียดชื่อยาจะไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้ และที่สำคัญถ้าเกิดในกรณีแพ้ยาขึ้นมา จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองแพ้ยาอะไร เมื่อไม่ได้รับความร่วมมือจึงมาร้องเรียนหน่วยงานประจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในหน่วยงานประจำจังหวัดสภาผู้บริโภค
“เราไม่รู้เลยว่ายาแต่ละตัวคืออะไรเพราะไม่มีฉลากบอก แล้วถ้าเกิดแพ้ยาขึ้นมา จะรู้ได้ยังไงว่าแพ้ยาไหน หรือเราจะเดาจากแค่สีเม็ดยาได้ แต่เราก็ไม่รู้จักมันอยู่ดี เพราะฉะนั้นหมอควรให้ความสำคัญกับการจ่ายยามากกว่านี้”
หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งด้านผู้บริโภคได้เปิดดูในถุงว่าเป็นยาอะไรบ้าง ปรากฏว่าได้ยาชนิดเม็ดมา 9 ชนิด และยาน้ำ 1 ขวด มีระบุเพียงเวลารับประทาน เเต่ไม่มีการเขียนระบุชื่อยาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ติดต่อไปยังคลินิกดังกล่าว เพื่อเจรจาเบื้องต้นให้กับผู้บริโภค แต่ทางเเพทย์เจ้าของคลินิกไม่ประสงค์บอกชื่อยาให้แก่ผู้บริโภค และแจ้งให้นำยามาคืนและจะคืนเงินให้ ซึ่งผู้บริโภคก็ยอมรับทางเลือกนั้นในที่สุด
สิทธิของผู้บริโภค ไม่ใช่แค่ “รับยา” แต่ต้อง “รู้” ว่าได้ยาอะไร
สภาผู้บริโภคมีความเห็นว่า การไม่แจ้งชื่อยาและไม่อธิบายวิธีใช้ เป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคอย่างชัดเจน เพราะตามสิทธิผู้บริโภคแล้ว ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับ
อีกทั้ง ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลเกี่ยวกับฉลากบรรจุยา พ.ศ. 2565 ระบุว่า ตั้งแต่ 16 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป คลินิกทุกที่ ต้องระบุฉลากบรรจุยา อย่างน้อยต้องมีข้อมูล ชื่อสถานพยาบาลและช่องทางการติดต่อ, ชื่อและสกุลของผู้ป่วย และวัน เดือน ปีที่จ่ายยาให้กับผู้ป่วย, ชื่อยา (ภาษาไทย), จำนวนยา, วิธีใช้ยา, สรรพคุณของยา, คำเตือน, วันหมดอายุของยา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับทราบข้อมูลบนฉลากบรรจุยาที่ให้บริการของสถานพยาบาลที่เพียงพอตามสิทธิของผู้ป่วยที่พึงจะได้รับและเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้ยา
ขอแนะนำผู้บริโภคก่อนทานยา ควรตรวจสอบฉลากยาให้ละเอียดเพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น วิธีใช้ คำเตือน ข้อห้ามใช้ ข้อควรระวัง วันหมดอายุของยาบนฉลาก เพื่อให้มั่นใจว่ายาไม่เสื่อมสภาพ หากไม่เข้าใจการใช้ยาหรือมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรทันที และหากยาเปลี่ยนสภาพ เช่น สี กลิ่น หรือรูปร่าง ไม่ควรทาน
หากผู้บริโภคพบว่าคลินิกไม่ระบุข้อมูลบนซองยา หรือได้รับปัญหาเกี่ยวกับยา เช่น จ่ายยาผิด ยาไม่มีคุณภาพ หรือแพทย์ไม่ให้ข้อมูลครบถ้วน สามารถร้องเรียนมาที่ กระทรวงสาธารณสุข หรือสภาผู้บริโภค ที่เบอร์สายด่วน 1502 ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 20 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/
ทั้งนี้ สำหรับสถานพยาบาลที่ไม่จัดทำฉลากบรรจุให้ครบถ้วน จะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 และที่ไขเพิ่มเติมม.35 (4) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ