Ribbon

หยุดสั่ง ยาชุด กินเอง ซื้อยาออนไลน์ ถูก เร็ว แต่เสี่ยงตับพัง

หยุดสั่งยาชุดกินเอง ซื้อยาออนไลน์ ถูก เร็ว แต่เสี่ยงตับพัง

แม้จะเป็นปัญหาที่ถูกพูดถึงมานานหลายสิบปี แต่ “ยาชุด” ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพยังคงแพร่ระบาดในสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ยังหลงเชื่อคำโฆษณาเรื่องสรรพคุณบรรเทาปวด เห็นผลไว และเข้าถึงง่าย โดยไม่ตระหนักถึงอันตรายที่อาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 สมาชิกเฟซบุ๊ก “Bill P. Thepprasarn” ซึ่งเป็นแพทย์ ได้โพสต์ข้อความเตือนภัย หลังพบผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะตับอักเสบ โดยมีประวัติซื้อยาชุดจากอินเทอร์เน็ตมากินเอง สภาผู้บริโภคเร่งดำเนินการเชิงรุก ร่วมมือหน่วยงานรัฐเฝ้าระวัง สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้บริโภค

ทานยาเกินจำเป็น ปัญหาใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวัน

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการใช้ยาไม่สมเหตุผลอย่างกว้างขวาง ทั้งการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เช่น กรณีไข้หวัดธรรมดา การกินยาซ้ำซ้อนจากหลายแหล่งโดยไม่รู้ตัว รวมถึงการใช้ยาชุดหรือยาที่มีการปลอมปนสารสเตียรอยด์ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว

จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่า ค่าใช้จ่ายด้านยาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นจาก 86,544 ล้านบาท ในปี 2551 เป็น 180,585 ล้านบาท ในปี 2561 โดยเฉลี่ยสูงเทียบเท่ากับหลายประเทศพัฒนาแล้ว ปัจจัยสำคัญ คือ การใช้ยาเกินความจำเป็น และความเข้าใจผิดของประชาชนเอง

ลำดวน มหาวัน อนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาผู้บริโภค และหัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ยาชุดยังคงเป็นปัญหาหลัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ อย่างจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มผู้ใช้ส่วนใหญ่คือผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร และผู้สูงอายุ ที่มีอาการปวดเมื่อยจากการทำงานหรือวัยที่เพิ่มขึ้น และต้องการการบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว

“เหตุผลสำคัญที่ยาชุดยังคงถูกใช้ คือเข้าถึงง่าย ราคาถูก ทำให้หลายคนรู้สึกว่าจำเป็นต้องพึ่งพา โดยไม่รู้ว่ากำลังเสี่ยงอันตรายกับร่างกายตัวเอง” ลำดวนกล่าว

อันตรายที่ซ่อนอยู่ใน ยาชุด

ยาชุดถือเป็นยาผิดกฎหมาย เนื่องจากผู้บริโภคไม่สามารถทราบได้ว่ายาแต่ละเม็ดมีส่วนผสมอะไรบ้าง หลายกรณีพบการผสมสเตียรอยด์ เช่น ยาลูกกลอนสมุนไพร ลักษณะเป็นยาเม็ดลูกกลอน จัดเป็นชุด ๆ ละ 5 เม็ด มี 3 สี คือ สีแดง 2 เม็ด สีน้ำตาล 2 เม็ด และสีดำ 1 เม็ด

ก่อนหน้านี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เคยได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลสันทราย กรณีประชาชนซื้อยาชุด จากคนในชุมชน เมื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ พบว่า ภายในมีการลักลอบผสมยาอันตราย โดยยาเม็ดสีแดงและสีน้ำตาล ตรวจพบสารเด็กซาเมทาโซน ไดโคลฟีแนค และวิตามินบี 1 ขณะที่ยาเม็ดสีดำพบยาไดโคลฟีแนค

และการลักลอบผสมยาเด็กซาเมทาโซน ที่ใช้รักษาอาการอักเสบของผิวหนัง ข้อต่อ ปอด และอวัยวะอื่น ๆ ซึ่งเป็นยาในกลุ่มสเตียรอยด์ จัดเป็นยาควบคุมพิเศษที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น แม้จะให้ผลการรักษาที่ดูเหมือนหายเร็ว แต่มีผลข้างเคียงรุนแรง เช่น อาการบวมน้ำ กระดูกผุ เยื่อบุกระเพาะอาหารบางลงจนเสี่ยงกระเพาะทะลุ ภูมิคุ้มกันต่ำ บางรายอาจถึงขั้นไตวาย และเป็นอันตรายถึงชีวิต

นอกจากนี้ ยังพบการผสมยาไดโคลฟีแนค ซึ่งเป็นยาแก้ปวดลดการอักเสบ จัดเป็นยาอันตรายที่ต้องจ่ายโดยเภสัชกร ไม่ควรซื้อกินเอง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร คลื่นไส้ หายใจติดขัด ผื่นคัน ตับอักเสบ และไตวายเฉียบพลัน

“ยาชุดเหล่านี้ มักมีการลักลอบผสมสเตียรอยด์และยาอันตรายอื่น ๆ พร้อมโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณรักษาสารพัดโรค ตั้งแต่โรคข้อ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไปจนถึงอัมพฤกษ์ อัมพาต และมะเร็ง แม้การใช้ยาชุดในช่วงแรกอาจทำให้รู้สึกอาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ที่จริงเป็นเพียงการบดบังอาการของโรค ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นยาดีและใช้ต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดการสะสมพิษในร่างกาย จนทำให้อาการทรุดหนัก และในบางรายอาจนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด” ลำดวนกล่าว

เดินหน้าแก้ปัญหายาชุด สร้างความรู้–เฝ้าระวัง

ศูนย์คุ้มครองผู้บริโภคจังหวัดเชียงใหม่ ได้ดำเนินงานเชิงรุกผ่านโครงการเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชน เพื่อให้ความรู้เรื่องการใช้ยาอย่างสมเหตุผล โดยเน้นสร้างแกนนำในชุมชนให้ถ่ายทอดความรู้ไปยังผู้สูงอายุและผู้ใช้แรงงาน พร้อมเฝ้าระวังการจำหน่ายยาชุดในร้านชำ

หากพบการลักลอบขาย จะมีการแจ้งข้อมูลไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สาธารณสุขอำเภอ และโรงพยาบาล เพื่อทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย รวมถึงการรณรงค์ผ่านสื่อและรายการวิทยุ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในวงกว้าง ขณะเดียวกันยังทำงานกับผู้ประกอบการร้านค้า เพื่อย้ำว่าการขายยาชุดเป็นความผิดตามกฎหมาย

 “ยาชุด” ถูกร้องเรียนสูงสุดในร้อยเอ็ด

ปัญหายาชุดไม่ได้จำกัดอยู่เพียงภาคเหนือเท่านั้น จังหวัดร้อยเอ็ดก็สะท้อนภาพปัญหาอย่างชัดเจน จากสถิติการร้องเรียนขององค์กรสมาชิกในพื้นที่ พบว่า “ยาชุด” เป็นปัญหาที่ถูกร้องเรียนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง

จากการลงพื้นที่พบว่า ร้านขายของชำจำนวนไม่น้อยยังจัดยาชุดตามอาการที่ลูกค้าบอก เช่น ปวดเล็กน้อยได้ 3 เม็ด ปวดมากได้ 5 เม็ด โดยไม่มีการอธิบายว่ายาแต่ละเม็ดคืออะไร หรือมีผลข้างเคียงอย่างไร ซึ่งนอกจากจะเป็นการจำหน่ายยาผิดกฎหมายแล้ว ยังละเมิดสิทธิผู้บริโภคด้านความปลอดภัยทางสุขภาพอย่างชัดเจน

“ยาชุดเป็นยาอันตรายและผิดกฎหมาย ไม่รู้ส่วนผสมที่แท้จริง และมีความเสี่ยงต่อสุขภาพในระยะยาว ถึงขั้นเสียชีวิต ผู้บริโภคมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพมากกว่าการพึ่งยา เช่น การพบแพทย์หรือเภสัชกร การปรับพฤติกรรม และการใช้ยาอย่างสมเหตุผล แม้ว่าอาการปวดอาจหายเร็วจากยาชุด แต่ผลร้ายที่ตามมาอาจไม่สามารถย้อนกลับได้” ลำดวน กล่าวเตือนผู้บริโภคทิ้งท้าย

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง