
จักษุแพทย์เตือน อาหารเสริมตา ไม่สามารถรักษาโรคตาได้จริง เผยผู้ป่วยโรคต้อหินรายหนึ่งต้องสูญเสียการมองเห็นข้างหนึ่งอย่างถาวร อย่าปล่อยให้คำโฆษณาลวงทำลาย ดวงตาคู่เดียวในชีวิต
ผู้ป่วยโรคต้อหิน ต้องสูญเสียดวงตาข้างหนึ่งอย่างถาวร เพราะหลงเชื่อโฆษณา อาหารเสริมตา ที่มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเกินจริง และหาซื้อได้สะดวก ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย ย้ำอาหารเสริมที่กินเข้าไปไม่สามารถไปเยียวยาลูกตาได้ ดังนั้นอย่าหลงเชื่อ ให้รีบพบแพทย์เพื่อรักษาโรคด่วน ก่อนที่จะตาบอดอย่างถาวร
พญ.ศศิ ใหญ่สว่าง รองหัวหน้าฝ่ายสื่อสารประชาชน ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มีผู้บริโภคจำนวนมากหลงเชื่อคำโฆษณาชองผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตาและหาซื้อมาบริโภค ทำให้ละเลยการเข้ารับการตรวจรักษาจากจักษุแพทย์ จนทำให้ส่งผลต่อสุขภาพตา ซึ่งล่าสุดมีกรณีผู้ป่วยเป็นโรคต้อหินที่หลงเชื่อทำโฆษณา และพึ่งพาอาหารเสริมเพียงอย่างเดียวเป็นเวลานานกว่า 2 ปี ส่งผลให้โรคต้อหินลุกลามจนตาบอดถาวรข้างหนึ่งในที่สุด
โรคต้อหิน เป็นโรคที่มีการทำลายของขั้วประสาทตาทางด้านหลังลูกตา เป็นโรคตาที่เมื่อถูกทำลายแล้วจะไม่สามารถย้อนกลับได้ และตาบอดตลอดชีวิต ดังนั้น โรคต้อหินเป็นโรคตาที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเมื่อตาบอดแล้วจะไม่สามารถรักษาได้ จึงต้องรีบรักษาตั้งแต่แรกเพื่อที่จะได้หยุดการทำลายขั้วประสาทตา
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยโรคต้อหินหรือผู้ที่มีอาการผิดปกติทางตาเลือกซื้ออาหารเสริม แทนการเข้ารับการรักษากับจักษุแพทย์ มาจากปัจจัยหลายด้าน ทั้งความสะดวก ความเข้าใจผิด และการชักจูงทางการตลาด ซึ่งมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าการมาพบแพทย์ยุ่งยากและเสียเวลา ตรวจหลายขั้นตอน จึงมองหาทางเลือกที่ง่ายกว่าอย่างเช่นการซื้ออาหารเสริมทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่กำลังประสบปัญหาในเรื่องต้อเนื้อ ต้อลม ควรตัดสินใจไปพบจักษุแพทย์เพื่อได้รับการรักษาโดยทันที ซึ่งผู้บริโภคสามารถไปรักษาในโรงพยาบาล หรือจักษุคลีนิค โดยใช้สิทธิการรักษาบัตรที่มีอยู่ทั้งบัตรทองและประกันสังคม ซึ่งสามารถใช้สิทธิตั้งแต่การตรวจอาการได้ตามปกติ ไปจนถึงการรักษาต่อเนื่องและการผ่าตัดต่อไปโดยครอบคลุมในสิทธิการรักษาไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ทำไม อาหารเสริมตา จึงรักษาโรคต้อหินไม่ได้
พญ.ศศิ อธิบายว่า ที่อาหารเสริมไม่สามารถรักษาโรคต้อหินได้ เพราะกลไกการทำงานของร่างกายไม่เอื้อให้สารอาหารเดินทางไปถึงดวงตาโดยตรง เมื่อเรารับประทานอาหารเสริม สารต่าง ๆ จะถูกย่อยและดูดซึมเฉพาะส่วนที่ร่างกายต้องการ จากนั้นจึงขับถ่ายออก ไม่มีส่วนใดที่สามารถซึมผ่านไปถึงลูกตาได้จริง ๆ แม้แต่ “น้ำตาเทียม” ซึ่งหยอดโดยตรงยังทำได้เพียงเคลือบผิวภายนอกของดวงตา ไม่สามารถซึมลึกเข้าไปถึงภายใน ดังนั้นโอกาสที่อาหารเสริมหรือวิตามินที่รับประทานจะเข้าไปถึงลูกตาเพื่อรักษาโรคต้อหินได้ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย

“หากมีอาการผิดปกติที่ดวงตา อย่ารอช้า ควรรีบพบจักษุแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี เพราะ ดวงตาเรามีเพียงคู่เดียว และการเสี่ยงลองสารที่ไม่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ ไม่คุ้มกับการสูญเสียการมองเห็นตลอดชีวิต” พญ.ศศิ กล่าว
จักษุแพทย์ ย้ำเตือนด้วยว่า ปัจจุบันพบการโฆษณาอาหารเสริมอ้างสรรพคุณรักษาโรคตาหลากหลายชนิด ทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์รองรับ ไม่ว่าจะเป็นโรคต้อกระจกที่มักถูกอ้างว่าสามารถรักษาได้ด้วยอาหารเสริม แต่ในความเป็นจริงยังไม่มีวิธีใดนอกจากการผ่าตัด เช่นเดียวกับอาการวุ้นตาเสื่อม ที่มักใช้คำหลอกลวงอย่าง “ตาหยุดเสื่อม” หรือ “ตาหายขุ่น” เพื่อจูงใจผู้บริโภค บางแบรนด์ถึงขั้นอ้างว่าสามารถช่วยให้อาการ “ตาเหลือง” หรือ “ตาขาวไม่สดใส” รวมถึงการโฆษณาว่าช่วยบรรเทาอาการตาแสบ เคือง หรือพร่ามัว ซึ่งอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ไม่ใช่พึ่งอาหารเสริม
นอกจากนี้ ยังพบกรณีที่ร้ายแรงกว่า เช่น อาหารเสริมบางยี่ห้ออ้างว่าสามารถรักษาโรคตาได้ถึง 12 ชนิด ถือเป็นการโฆษณาเกินจริงและอาจสร้างความเข้าใจผิดจนผู้บริโภคละเลยการรักษาที่ถูกต้อง นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรในที่สุด
หากผู้บริโภคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมตา ที่อ้างว่าช่วยบำรุงหรือรักษาสายตา สามารถสอบถามข้อมูลที่ถูกต้องได้ทางเฟซบุ๊กเพจ “สุขภาพตา โดย ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย (All About Eye by RCOPT)” ซึ่งมีจักษุแพทย์ให้คำแนะนำโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญด้านดวงตา และหากพบว่าตนเอง ได้รับผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็นอาการผิดปกติ หรือถูกหลอกลวงโฆษณา สามารถร้องเรียนมายังสภาผู้บริโภค ช่องทางออนไลน์ เว็บไซต์ tcc.or.th หรือ สายด่วน 1502
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



