จากวิกฤตอุทกภัย ประชาชนกำลังเผชิญกับความเดือดร้อนรอบด้าน การกักตุนสินค้าและการฉวยโอกาสขึ้นราคายิ่งซ้ำเติมความทุกข์ยาก กรมการค้าภายในประกาศเอาผิดร้านค้าที่ทำผิดกฎหมาย สภาผู้บริโภคย้ำสิทธิในการร้องเรียน อย่าปล่อยให้ผู้ประกอบการเอาเปรียบ
ท่ามกลางวิกฤตอุทกภัยที่กำลังสร้างความเสียหายให้กับประชาชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ความเดือดร้อนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการสูญเสียทรัพย์สิน ที่อยู่อาศัย แต่ยังลุกลามไปสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชน โดยเฉพาะการขาดแคลนสินค้าและการขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างไม่สมเหตุสมผล ที่อาจยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ยากของผู้ประสบภัยในเวลานี้ ย้ำสิทธิผู้บริโภค เจอร้านค้าเอาเปรียบร้องเรียนได้ที่กรมการค้าภายใน และสภาผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 กรมการค้าภายในได้ออกมาประกาศเข้ม ห้ามผู้ประกอบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า กักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมย้ำให้ร้านค้าทุกแห่งปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยบรรเทาภาระของประชาชนในช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการความช่วยเหลือ และต้องสามารถเข้าถึงสินค้าจำเป็นได้ตามปกติ
ทั้งนี้ การเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงวิกฤตถือเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาตรา 29–30 รวมถึงประกาศ กกร. ฉบับที่ 72 พ.ศ. 2567 โดยครอบคลุมถึงพฤติกรรมการจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร การกักตุน การปฏิเสธ หรือประวิงการจำหน่ายสินค้า ผู้กระทำผิดอาจต้องเผชิญโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่ความผิดเกี่ยวกับการไม่ติดป้ายแสดงราคาขายปลีกอาจถูกปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท
สภาผู้บริโภคขอให้ผู้บริโภคระมัดระวัง ร้านค้าที่ใช้วิกฤตฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หรือกักตุนสินค้าเพื่อหวังกำไรเกินควร พร้อมแนะนำให้ตรวจสอบราคาก่อนซื้ออย่างรอบคอบ และหากพบเห็นการกระทำดังกล่าวสามารถร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสภาผู้บริโภค หรือแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569
สภาผู้บริโภค ย้ำว่าการร้องเรียนไม่ใช่เพียงการปกป้องสิทธิของตนเอง แต่ยังเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการที่ไม่เป็นธรรมสร้างความเสียหายต่อสังคมในวงกว้าง ในช่วงเวลาที่ประชาชนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเท่าเทียมและทันท่วงที
