Ribbon

เผย ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ 15 ยี่ห้อ ไขมันไม่เกินเกณฑ์ เฝ้าระวังเพื่อสุขภาพผู้บริโภค

เผยไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ 15 ยี่ห้อ ไขมันไม่เกินเกณฑ์ เฝ้าระวังเพื่อสุขภาพผู้บริโภค

วันที่ 3 ธันวาคม 2568 สภาผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นิตยสารฉลาดซื้อ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “ความร่วมมือในการกำกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมไขมันทรานส์” โดยนำผลิตภัณฑ์ ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ มาทดสอบจำนวน 15 ตัวอย่าง รวมถึงอาหารกลุ่มเสี่ยงปนเปื้อนไขมันทรานส์ กว่า 546 ตัวอย่าง และยืนยันตรงกันว่า ไม่พบผลิตภัณฑ์ใดไขมันเกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดพร้อมเฝ้าระวังต่อเนื่อง รักษามาตรฐานความปลอดภัยอาหารเพื่อปกป้องสุขภาพประชาชน

ทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค สุ่มเก็บตัวอย่างไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟ (Soft serve) 15 ยี่ห้อ เพื่อหาปริมาณไขมันไม่ดี (ไขมันทรานส์) เพราะเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม และมีจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อ โดยในปี 2567 ซึ่งเป็นช่วงที่นิตยสารฉลาดซื้อเก็บข้อมูลนั้น ไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่มีการแข่งขันกันในท้องตลาดสูงมาก ด้วยราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย ในราคาหลัก 10 บาท โดยนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ไปสุ่มตรวจ 15 ยี่ห้อ ดังนี้

  1. MIXUE
  2. Wedrink
  3. Ai-CHA
  4. Dairy Queen
  5. KFC
  6. McDonald’s
  7. Mos Burger
  8. Burger king
  9. Tian Tian
  10. Cacoa dutch
  11. มิงค์
  12. Top Daily
  13. SNOWTEE
  14. BingChun
  15. IKEA

ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ 15 ตัวอย่าง อยู่ในระดับตามเกณฑ์

ผลการทดสอบไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟทั้ง 15 ตัวอย่าง พบว่า มีไขมันทรานส์ ตั้งแต่ 0.013 ถึง 0.242 กรัม/ 100 กรัม มีค่าเฉลี่ย 0.051กรัม/ 100 กรัม และพบไขมันรวม (Total Fat) ตั้งแต่ 2.422 ถึง 6.205 กรัม/100 กรัม มีค่าเฉลี่ย 4.07 กรัม/ 100 กรัม ซึ่งทั้งหมดถือว่าอยู่ในระดับตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

แม้ตัวเลขเหล่านี้จะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย แต่ผู้บริโภคยังควรบริโภคผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้อย่างพอเหมาะ ไม่มากเกินไป เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านสุขภาพในระยะยาว

ด้านโสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้ทำงานเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค รวมทั้งสนับสนุนและดำเนินการ ตรวจสอบ เฝ้าระวังสถานการณ์ปัญหาสินค้าและบริการ แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารหรือเตือนภัยเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ที่อาจกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคด้วย นอกจากนี้ สภาผู้บริโภค มีอำนาจตามกฎหมาย ในการรวบรวม และเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการอันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือใช้บริการ ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก

การทดสอบครั้งนี้จึงมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภค หากผลออกมาดี ก็ช่วยสร้างความมั่นใจ แต่หากพบความเสี่ยง ก็จะเป็นสัญญาณเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีที่ผลการเฝ้าระวังในครั้งนี้มีผลออกมาเป็นผลเชิงบวก และสะท้อนการร่วมกันระหว่างภาครัฐ วิชาการและประชาสังคม ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน นับเป็นเบื้องหลังความสำเร็จที่เป็นต้นแบบให้กับประเทศต่าง ๆ ได้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานร่วมกัน คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือประชาชน ในมุมมองของสภาผู้บริโภค เมื่อมีการออกกฎหมายเพื่อควบคุมไขมันทรานส์แล้วลดลงได้จริง การควบคุมแต่ต้นทางและการกำกับดูแลของภาครัฐอย่างจริงจัง จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

โสภณย้ำว่า “ความสำเร็จในการกำจัดไขมันทรานเกิดจาก ความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน และประโยชน์ที่เกิดขึ้นได้เกิดกับผู้บริโภคทุกคน ”

อย. ยืนยันอาหารกลุ่มเสี่ยง 546 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด

เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า นับจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PHOs) ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของไขมันทรานส์ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการกำกับดูแลอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่องระหว่างภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ เพื่อขจัดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการบริโภคไขมันทรานส์ที่เป็นปัจจัยเพิ่มโอกาสเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด จนได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการกำจัดกรดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร

ผลการเฝ้าระวังและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ในอาหารกลุ่มเสี่ยงปนเปื้อนไขมันทรานส์จากน้ำมันที่ผ่านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วน (PHOs) ได้แก่ โดนัททอด พัฟและเพสทรี ขนมเบเกอรี่ เนยเทียม เนยขาว ครีมเทียม และเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต รวมทั้งสิ้น 546 ตัวอย่าง ไม่พบการใช้น้ำมันจากกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่วนในผลิตภัณฑ์ใด ๆ สะท้อนถึงความร่วมมือของผู้ประกอบการและประสิทธิภาพการกำกับดูแลของภาครัฐที่สามารถคงสถานะ “ประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์” ได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากลดการบริโภคไขมันทรานส์แล้ว ควรลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดและหัวใจเช่นกัน โดยควรบริโภคไขมันอิ่มตัวไม่เกิน 20 กรัมต่อวัน และไขมันทรานส์ไม่เกิน 2 กรัมต่อวัน และอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารควบคู่กับการออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดี ลดความเสี่ยงของโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (NCDs) โดย อย. จะยังคงเดินหน้ามาตรการเชิงรุก ทั้งการติดตามเฝ้าระวัง การให้ความรู้ผู้บริโภค และการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อรักษามาตรฐานประเทศไทยปลอดไขมันทรานส์และยกระดับความปลอดภัยอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชนในระยะยาว

ชวนดูผลทดสอบอื่น ๆ