เสียงประชาชนหนุน กฎหมายผู้บริโภคฉบับใหม่

Getting your Trinity Audio player ready...

เสียงจากผู้ร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ฉบับใหม่ เห็นพ้องว่ากฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคฉบับเดิมไม่ทันภัยยุคดิจิทัล พร้อมสนับสนุนข้อเสนอให้เพิ่มอำนาจไกล่เกลี่ย ขยายนิยาม ‘ผู้บริโภค’ และจัดตั้งกลไกเฉพาะทางเพื่อปกป้องสิทธิได้จริง

สั่งของออนไลน์แล้วได้ของไม่ตรงปก โดนหลอกให้ลงทุนจากรายการทีวีชื่อดัง แล้วทำไมไม่มีใครรับผิดชอบ?” เป็นเสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. … ที่จัดโดยกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร สะท้อนถึงปัญหาที่ผู้บริโภคต้องเผชิญในยุคดิจิทัล ซึ่งกฎหมายปัจจุบันไม่สามารถตามทันได้อีกต่อไป

กรณี “ดิไอคอน” ถูกยกขึ้นเป็นตัวอย่างของภัยแฝงที่มาพร้อมความน่าเชื่อถือ รายการโทรทัศน์ที่ดูเหมือนเป็นสารคดีแรงบันดาลใจ แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าเป็นเนื้อหาโฆษณาที่ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชน ทำให้ผู้ชมเข้าใจว่าเรื่องราวนั้นเป็นเรื่องจริง และตัดสินใจลงทุนโดยขาดข้อมูลรอบด้าน ขณะที่เสียงจากผู้เข้าร่วมรายหนึ่งตั้งคำถามต่อบทบาทของสื่อ ที่มักอ้างเพียงว่าเป็นผู้ผลิตเนื้อหา โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่ตามมา ทำให้จากเหตุการณ์กรณีดิไอคอน ผู้ร่วมเวทีจำนวนมากเสนอให้กฎหมายใหม่กำหนดให้สื่อที่มีเนื้อหาเชิงโฆษณาต้องเปิดเผยชื่อผู้สนับสนุนอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคแยกแยะข้อมูลได้ถูกต้อง และไม่ตกเป็นเหยื่อของการสื่อสารที่แฝงเร้นเจตนาแสวงหากำไร

ข้อเสนออีกด้านที่ได้รับเสียงสนับสนุนมากคือ การกำหนดให้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นขั้นตอนบังคับก่อนการฟ้องร้อง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงการเยียวยาอย่างรวดเร็ว ลดภาระด้านเวลาและค่าใช้จ่ายจากกระบวนการทางกฎหมาย อีกหนึ่งความเห็นที่ชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดของระบบที่เป็นอยู่ และสะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องมีกลไกกลางที่ทำหน้าที่เชิงรุก ไม่รอให้เกิดคดีใหญ่ก่อนจึงเริ่มเคลื่อนไหว

ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมหลายคนยังเสนอให้มีเจ้าภาพหลักที่ดูแลเรื่องผู้บริโภคโดยตรงอย่างครบวงจร พร้อมทั้งมีอำนาจเชิงบังคับจริง ซึ่งหลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า หน่วยงานที่ควรมีบทบาทนี้คือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)

ในเวทีนี้ ชัยรัตน์ แสงอรุณ ตัวแทนจากสภาผู้บริโภค เป็นผู้เสนออย่างชัดเจนว่า จำเป็นต้อง “ติดเขี้ยวเล็บให้ สคบ.” เพื่อให้สามารถทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง เพราะหาก สคบ. ไม่มีอำนาจ ต่อให้กฎหมายดีแค่ไหนก็ใช้ไม่ได้ผล และเน้นว่า สคบ. ควรมีอำนาจเรียกสอบผู้ประกอบการ ดำเนินการไกล่เกลี่ยเชิงบังคับ และตัดสินใจได้โดยไม่ต้องรอการร้องเรียนเท่านั้น เพราะผู้บริโภคจำนวนมากอาจไม่รู้วิธีหรือไม่มีทรัพยากรในการต่อสู้ด้วยตัวเอง

ด้าน ศิระณัฐ วิทยาธรรมธัช นิติกรชำนาญการจาก สคบ. ยอมรับว่า ระบบในปัจจุบันยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะกรณีที่คู่กรณีฝ่ายใดไม่สมัครใจเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย สคบ. ไม่มีอำนาจบังคับใช้ อีกทั้งในคดีบางประเภท หน่วยงานยังต้องพึ่งพาความร่วมมือจากหน่วยงานอื่น เช่น กสทช. อัยการ หรือ ตำรวจไซเบอร์

“หากคู่กรณีไม่ประสงค์เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย กระบวนการก็ต้องยุติลงทันที อีกทั้งบางคดี สคบ. ก็ไม่มีอำนาจ เช่น คดีอาญาหรือคดีแพ่งในบางลักษณะ ต้องส่งต่อไปยังหน่วยงานอื่นที่มีอำนาจ” ศิระณัฐ ระบุ พร้อมสนับสนุนข้อเสนอให้มีกลไกกลางที่มีอำนาจชัดเจนและโครงสร้างที่ยืดหยุ่น เพื่อให้การคุ้มครองผู้บริโภคเกิดผลจริง

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้มีความพยายามปรับปรุง พรบ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาเป็น ร่าง พรบ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. …. ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของรัฐสภา โดยร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่นี้ยังเสนอให้ปรับนิยามคำว่า “ผู้บริโภค” ให้ครอบคลุมถึงผู้ใช้บริการรายย่อย เช่น เกษตรกร หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระ รวมถึงเสนอการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะทางที่สามารถดูแลปัญหาเฉพาะด้านได้อย่างตรงจุด เช่น การซื้อขายออนไลน์ สินค้าชำรุดบกพร่อง และการระงับข้อพิพาท

ด้าน ผศ.ดร.เอมผกา เตชะอภัย หนึ่งในทีมร่างกฎหมาย กล่าวว่า ร่างฉบับนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ไขบางมาตรา แต่เป็นการร่างใหม่ทั้งฉบับ โดยยึดหลักมาตรฐานสากล และสะท้อนความต้องการของภาคประชาชนทั่วประเทศ เพื่อให้เป็นกฎหมายที่ทันกับโลกที่เปลี่ยนไป

ขณะที่ ภคมน หนุนอนันต์ กรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ เปิดเผยว่า ข้อเสนอทั้งหมดจากเวทีนี้จะถูกนำไปประกอบการจัดทำร่างของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งจะเสนอเข้าสู่รัฐสภาควบคู่กับร่างจากภาคประชาชน เพื่อให้สามารถอุดช่องว่างที่กฎหมายเดิมไม่สามารถจัดการได้ โดยเฉพาะกรณีโฆษณาแฝงในสื่อ ซึ่งไม่มีหน่วยงานใดมีอำนาจกำกับอย่างแท้จริง

เวทีปิดท้ายด้วยความหวังจากทุกภาคส่วนว่า ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคฉบับใหม่นี้จะสามารถเดินหน้าเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาโดยเร็ว และกลายเป็นกฎหมายที่ใช้งานได้จริง เป็นเครื่องมือที่คุ้มครองประชาชนในโลกที่ภัยผู้บริโภคมาในรูปแบบใหม่ทุกวัน บางครั้งในคราบของแรงบันดาลใจที่ดูจริงเกินกว่าจะรู้ตัว