เทศกาลช้อปสิ้นปี ดีลแรงจนมือสั่น… แต่ก่อนจะกดสั่งซื้อ ลองหยุดสักนิด เพราะส่วนลดที่เห็น อาจไม่ใช่ดีลที่คิด สภาผู้บริโภคชวนดู เช็กลิสต์ 3 ด. ก่อนกดสั่งซื้อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดีลลวง

เช็กให้ครบ 3 ด. ก่อนกดสั่งซื้อ
1. ดูราคา
อย่าเพิ่งหลงกับป้ายลด 70–90% ลองย้อนดูราคาก่อนหน้า หรือเทียบหลายร้านเพื่อเช็กว่าลดจริง ไม่ใช่อัพราคาก่อนลดจนกลายเป็น “โปรลวงตา” ที่ทำให้เราคิดว่าคุ้ม ทั้งที่จริงอาจแพงกว่าเดิม
2. ดูร้าน
ร้านหน้าตาดี โปรแรงแค่ไหนก็ไว้ใจกันไม่ได้ทุกเจ้า ตรวจสอบก่อนว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ รีวิวเป็นของผู้ซื้อจริงหรือปลอม และถ้าต้องโอนเงินก่อน ยิ่งต้องเช็กบัญชีร้านกับฐานข้อมูลบัญชีต้องสงสัย เพื่อป้องกันการถูกโกง
3. ดูสินค้า
อ่านรายละเอียดให้ครบทุกจุด ตั้งแต่ขนาด วัสดุ ฟังก์ชัน วิธีใช้ ไปจนถึงการรับประกัน เช็กว่าสินค้าผ่านมาตรฐานที่จำเป็นหรือไม่ โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเด็ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
กันพลาดเวลาเลือกซื้อสินค้าออนไลน์
เลือกวิธี “เก็บเงินปลายทาง – ใช้สิทธิเปิดก่อนจ่าย” จะช่วยลดความเสี่ยงสินค้ามาไม่ตรงปก หรือได้รับของเสียหาย เพราะเราสามารถ ตรวจเช็กสินค้าก่อนจ่ายเงินจริงได้ทันที หากได้ของไม่ตรงปกสามารถปฏิเสธการรับสินค้าได้ หรือถ้าจ่ายแล้ว ตรวจพบว่าไม่ตรงปก ขอคืนเงินได้ภายใน 5 วัน และต้องได้เงินคืนเต็มจำนวนภายใน 15 วัน
พบปัญหา ถูกโกง ได้ของไม่ตรงตามที่โฆษณา หรือร้านค้าไม่รับผิดชอบ สามารถร้องเรียนมายังสภาผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ https://www.tcc.or.th/ หรือโทร 1502 ในวันเวลาทำการ วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น.
รู้ก่อนช้อป ปลอดภัยก่อนจ่าย
เพื่อแก้ไขปัญหาการช้อปออนไลน์ที่ผู้บริโภคเจอบ่อย ๆ สภาผู้บริโภคจึงผลักดันนโยบาย “รู้จักตัวตนผู้ขาย e-KYM (Know Your Merchant)” ระบบยืนยันตัวตนผู้ขาย ที่ช่วยให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้ว่าร้านค้ามีตัวตนจริงหรือไม่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ทุกการสั่งซื้อออนไลน์ปลอดภัยยิ่งขึ้น
สำหรับข้อเสนอ e-KYM ของสภาผู้บริโภค มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างระบบที่โปร่งใสและยุติธรรมสำหรับผู้บริโภค โดยสรุปเป็น 4 แกนหลัก ดังนี้
1) รู้ตัวตน ผู้ขายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลต้องแสดงข้อมูลชัดเจน เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ บัญชีธนาคาร หมายเลขจดทะเบียนหรือจดแจ้งที่ออกโดยหน่วยงานรัฐ และตำแหน่งที่ตั้งของร้านค้า ข้อมูลเหล่านี้ควรแสดงบนหน้าร้านค้าออนไลน์เพื่อให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้ทันที
2) ลดกลโกง กำหนดบทบาทเพิ่มเติมตามประกาศของคณะกรรมการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (คธอ.) ให้แพลตฟอร์มต้องรับผิดชอบมากขึ้น เช่น ตรวจสอบผู้ขายก่อนอนุญาตให้โฆษณาหรือขายสินค้า เพื่อลดโอกาสที่มิจฉาชีพจะใช้ช่องว่างเข้ามาหลอกลวง
3) เชื่อมั่นคุณภาพ ร้านค้าที่ขายสินค้าควบคุมต้องแสดงฉลากที่เกี่ยวข้อง เช่น เครื่องหมายมาตรฐานอุตสาหกรรม (ตรา มอก.) หรือ เครื่องหมาย อย. เพื่อยืนยันมาตรฐานสินค้าและป้องกันสินค้าที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค
4) เคลียร์ง่าย ธนาคารควรจัดบริการบัญชีเฉพาะสำหรับการค้าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ แยกออกจากบัญชีส่วนบุคคล เพื่อเพิ่มความโปร่งใส ลดการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และช่วยให้ผู้บริโภคติดตามธุรกรรมได้ง่ายขึ้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



