“มือถือ – เน็ตบ้าน” ของจำเป็น ที่ทำไมยิ่งใช้ยิ่งแพง

“มือถือ - เน็ตบ้าน” ของจำเป็น ที่ทำไมยิ่งใช้ยิ่งแพง

หลังการควบรวมกิจการโทรคมนาคมระหว่างทรูและดีแทค ผู้บริโภคถูกคาดหวังว่าจะได้ใช้บริการที่มีราคาถูกลง เนื่องจาก กสทช. กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ให้บริการต้องปรับลดค่าบริการลงอย่างน้อย 12% ภายใน 90 วันหลังการควบรวม แต่ในความเป็นจริงกลับสวนทางกับที่กำหนดไว้

ข้อมูลจากผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์หลังการควบรวมกิจการมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้าน ที่สภาผู้ให้บริโภค ร่วมมือกับ 101 Public Policy Think Tank เป็นผู้ทำวิจัย ระบุว่า แพ็กเกจราคาถูกที่เคยมีในตลาดได้หายไป เช่น แพ็กเกจรายเดือนเริ่มต้นที่ 299 – 349 บาท กลับกลายเป็น 399 – 499 บาท ส่วนซิมอินเทอร์เน็ตที่เคยมีราคาเพียง 100 บาท ก็เพิ่มขึ้นเป็น 191 – 242 บาท ผู้บริโภคจึงเหลือทางเลือกน้อยลงและต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

ไม่เพียงแค่โทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตบ้านก็เผชิญสถานการณ์เดียวกัน แพ็กเกจความเร็ว 300/300 Mbps จากเดิม 399 บาท ขยับเป็น 499 บาท ขณะที่แพ็กเกจ 500/500 Mbps ก็มีราคาสูงขึ้นเป็น 600 บาทขึ้นไป และสิทธิพิเศษต่าง ๆ เช่น ซิมเสริม หรือบริการเสริมที่เคยได้ฟรี กลับถูกตัดออก แต่ราคากลับไม่ลดลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการควบรวมกิจการครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ตามที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม ผู้บริโภคต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและสูญเสียสิทธิในการเลือกใช้บริการในราคาที่เป็นธรรมมากกว่าเดิม

ทั้งนี้ ชวนผู้บริโภคติดตามในวันที่ 26 ก.ย. 2568 ที่ศาลปกครองจะนัดอ่านคำพิพากษาคดีฟ้องเพิกถอนมติ กสทช. ในการปล่อยให้ควบรวมทรู-ดีแทค คดีสำคัญที่ผู้บริโภคทุกคนควรจับตา เพราะอาจเป็นจุดเปลี่ยนอนาคตการสื่อสารไทย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง