
คดีพลิก! ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับฟ้อง กสทช. ฐานละเลยปล่อยให้ระบบ OTT มีโฆษณาแทรกระหว่างชมรายการ เข้าข่ายเอาเปรียบผู้บริโภค สภาผู้บริโภคขอความเป็นธรรม กรณี ศ. พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภค กลับถูกตัดสินว่ามีความผิด
จากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องคดี ที่ผู้ใช้บริการรับชมรายการโทรทัศน์ที่แพร่ภาพและเสียงบนอินเทอร์เน็ต หรือระบบ OTT (Over the Top) ฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เลขาธิการ และสำนักงาน กสทช. ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ดำเนินการกำกับดูแลการประกอบกิจการดังกล่าว ปล่อยให้ OTT ปิดกั้นช่องทางการรับชมภาพและเสียงจากช่องโทรทัศน์ที่เป็นบริการทั่วไปโดยที่มีโฆษณาแทรกระหว่างรับชมรายการทำให้ผู้ฟ้อง และผู้บริโภคจำนวนมากเดือดร้อน ซึ่งศาลชั้นต้นไม่รับคำฟ้องนั้น
ต่อมาในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งรับคำฟ้อง ก่อให้เกิดกระแสความยินดีต่อข่าวดังกล่าวแก่ผู้บริโภคจำนวนมากที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีการใช้บริการระบบ OTT
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค ได้แสดงความชื่นชมต่อผู้บริโภคที่ได้ไปฟ้องคดีในกรณีนี้และทำให้ทุกคนได้รับความเป็นธรรม และเห็นว่า กสทช. ควรเร่งดำเนินการ ออกมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค โดยไม่จำเป็นต้องรอคำพิพากษา
ทั้งนี้ ในเอกสารข่าวจากศาลปกครองสูงสุด ศาลได้ชี้แจงการออกคำสั่งดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นกรณีที่เป็นข้อพิพาทเกี่ยวกับหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ในการออกหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลการให้บริการโทรทัศน์แบบ OTT และไม่กำกับดูแลการประกอบกิจการตามอำนาจหน้าที่เพื่อไม่ให้มีการเอาเปรียบผู้บริโภค โดยอาศัยการใช้เครือข่ายบริการโทรทัศน์เพื่อการโฆษณา ซึ่งมีลักษณะเป็นการแสวงหากำไรเกินควร
ศาลปกครองสูงสุดจึงเห็นว่าผลจากคำพิพากษาในคดีนี้จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแสวงหาประโยชน์จากผู้บริโภคโดยไม่เป็นธรรมหรือสร้างภาระแก่ผู้บริโภคเกินความจำเป็นและป้องกันไม่ให้บุคคลใดหรือกลุ่มบุคคลใดใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่โดยไม่คำนึงถึงสิทธิของประชาชนทั่วไป อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ถือว่าเป็นการฟ้องคดีปกครองที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ซึ่งผู้ฟ้องคดีสามารถยื่นฟ้องเมื่อใดก็ได้ ศาลปกครองจึงมีคำสั่งให้รับคำฟ้องไว้พิจารณาต่อไป
สารี ได้แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า จากเอกสารดังกล่าวสะท้อนแนวคิดของศาลปกครองสูงสุดในกรณีนี้เป็นไปเพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภค ที่กสทช. ควรทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งในปี 2567 กสทช. พิรงรอง รามสูต ประธานคณะอนุกรรมการอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ฯ ได้นำเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคเข้ามาพิจารณา แต่ต่อมาได้ถูกบริษัท ทรูไอดี จำกัด ฟ้องมาตรา 157 ต่อศาลอาญาทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งได้มีคำพิพาษา ว่า กสทช. พิรงรองผิดในมาตรา 157 ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นตอนการอุทธรณ์ สารีจึงเห็นว่า บริษัท ทรูไอดี จำกัด ควรรีบดำเนินการถอนฟ้อง กสทช. พิรงรอง ที่ได้ทำหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคในกรณีเดียวกัน และเสนอให้ กสทช. พิรงรอง นำคำสั่งรับคำฟ้องของศาลปกครองสูงสุดประกอบการอุทธรณ์คดีดังกล่าวด้วย