| Getting your Trinity Audio player ready... |

สภาผู้บริโภค ชี้ กรณีคอนโดที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ ออกมติ “ห้ามเลี้ยงสัตว์” ภายหลัง อาจขัดเจตนารมณ์สัญญา แนะผู้ซื้อใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายหรือฟ้องเพิกถอนมติ
กรณีที่มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ “เอ็กซ์” รายหนึ่งออกมาโพสต์ประสบการณ์การอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมที่โฆษณาและขายในรูปแบบ “อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้” หรือ pet friendly แต่ภายหลัง ในการประชุมลูกบ้านกลับมีการออกมติไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ภายในโครงการ สภาผู้บริโภคชี้เข้าข่ายไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญา ผู้บริโภคมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ผู้ใช้ “เอ็กซ์” ระบุว่า ก่อนหน้าที่จะมีมติห้ามเลี้ยงสัตว์ มีข้อเสนอให้เรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากห้องที่เลี้ยงสัตว์ ห้องละ 100 บาทต่อเดือน โดยอ้างเหตุผลเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางจากกรณีสัตว์ขับถ่าย ซึ่งเจ้าของทวิตได้ตั้งคำถามถึงความเป็นธรรมในการเรียกเก็บเงินดังกล่าว ซึ่งควรเรียกเก็บจากผู้กระทำผิดมากกว่าเรียกเก็บจากลูกบ้านทุกคนที่เลี้ยงสัตว์ ต่อมามีการเสนอให้ใช้มาตรการปรับผู้กระทำผิดควบคู่กัน นำไปสู่คำถามเรื่องความซ้ำซ้อนและความไม่ชัดเจนว่าเงินที่จัดเก็บจะถูกนำไปใช้ในวัตถุประสงค์ใด
สภาผู้บริโภคชี้ มติ “ห้ามเลี้ยงสัตว์” อาจขัดเจตนารมณ์สัญญา

โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ให้ความเห็นว่า กรณีดังกล่าวมีประเด็นสำคัญคือ “เจตนารมณ์ของสัญญา” เนื่องจากผู้บริโภคตัดสินใจซื้อห้องชุดโดยเข้าใจว่าโครงการดังกล่าวอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ หากมีการออกมติหรือกฎระเบียบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสาระสำคัญ อาจถือเป็นการขัดต่อสัญญาหรือการโฆษณาเดิม
ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้บริโภคสามารถดำเนินการได้ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการอยู่อาศัยในคอนโดดังกล่าวแล้ว สามารถบอกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าเสียหายได้ หรือหากยังประสงค์จะอยู่อาศัยต่อ ก็สามารถใช้สิทธิฟ้องร้องเพื่อโต้แย้งว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากขัดต่อเงื่อนไขในสัญญาหรือวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยต้องพิจารณารายละเอียดในสัญญา ใบโฆษณา และเอกสารที่ใช้ในการขายว่าได้ระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ไว้อย่างไร ทั้งนี้ ต้องตรวจสอบว่ามติดังกล่าวออกโดยใคร ระหว่างนิติบุคคลอาคารชุดหรือที่ประชุมใหญ่ของเจ้าของร่วม ซึ่งทั้งสองกรณีสามารถเป็นคู่ความในคดีได้
“ถ้าเป็นในเชิงการอยู่อาศัยร่วมกัน อาจจะต้องพูดคุยและตกลงกันในที่ประชุม หากมีประเด็นในเรื่องความสะอาด อาจมีข้อเสนอเรื่องการแบ่งสัดส่วนที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่เลี้ยงและไม่เสี้ยงสัตว์อย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเรื่องการใช้สอยพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการตกลงกันของลูกบ้านในโครงการด้วย” โสภณระบุ
ส่วนประเด็นเรื่องการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากห้องที่เลี้ยงสัตว์ นายโสภณ ตั้งข้อสังเกตว่า การเรียกเก็บเงินกรณีเลี้ยงสัตว์ควรเป็นค่าใช้จ่ายที่ระบุไว้ในสัญญาตั้งแต่ต้น หากเป็นการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมจากทุกห้องที่เลี้ยงสัตว์ โดยอ้างเรื่องความสะอาด ทั้งที่ลูกบ้านห้องนั้น ๆ ยังไม่ได้กระทำผิด อาจเป็นมาตรการที่ไม่เป็นธรรม เพราะโดยหลักการแล้วควรลงโทษหรือปรับเฉพาะผู้ที่กระทำผิด เช่น นำสัตว์ออกมาสร้างความสกปรกในพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้เลี้ยงสัตว์ทั้งหมดต้องร่วมรับผิดชอบ
“การแก้ปัญหาด้วยการเก็บเงินจากทุกคน เป็นการแก้ปัญหาผิดจุด เพราะคนที่ทำผิดจริงอาจไม่รู้สึกถึงผลของการลงโทษ เนื่องจากมีคนอื่นช่วยแบกรับค่าใช้จ่ายร่วมด้วย” โสภณกล่าว พร้อมระบุว่า หากเห็นว่าค่าปรับเดิมไม่เพียงพอ นิติบุคคลสามารถกำหนดโทษปรับที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ แทนการออกกฎที่กระทบสิทธิของผู้อยู่อาศัยโดยรวม
สำหรับผู้บริโภคที่ประสบปัญหาในลักษณะเดียวกันสามารถปรึกษา – ร้องเรียนกับสภาผู้บริโภคได้ที่ เว็บไซต์สภาผู้บริโภค คลิกลิงก์ https://complaint.tcc.or.th/ โดยแนะนำให้รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสัญญาซื้อขาย ใบโฆษณา หรือเอกสารประชุม เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและใช้สิทธิทางกฎหมายต่อไป
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
ต้นโพสต์ในเอ็กซ์ (X) เรื่องคอนโด Pet friendly มีมติห้ามเลี้ยงสัตว์



