|  Getting your Trinity Audio player ready... | 

สภาผู้บริโภค พร้อมเครือข่ายผู้บริโภค ยื่นหนังสือถึงประธานสภากรุงเทพมหานคร ขอให้ทบทวนการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้า สายสีเขียว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 ชี้เพิ่มภาระผู้บริโภคกว่า 380,000 คนต่อวัน
วันที่ 31 ตุลาคม 2568 สภาผู้บริโภค พร้อมเครือข่ายผู้บริโภค เข้ายื่นหนังสือถึง วิพุธ ศรีวะอุไร ประธาน สภากรุงเทพมหานคร เพื่อเสนอให้พิจารณาทบทวนประกาศการปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ของกรุงเทพมหานคร ที่จะเริ่มเรียกเก็บในอัตราใหม่ ตั้งแต่ 17 – 45 บาท และสูงสุด 65 บาท เมื่อเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวหลัก โดยมี เนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย รองประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับหนังสือแทน
เสนอ 4 ทางออกลดภาระประชาชนจากค่ารถไฟฟ้า

คงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค ระบุว่า การปรับราคาดังกล่าวจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาระค่าใช้จ่ายและความเดือดร้อนของผู้บริโภคจำนวนมากกว่า 380,000 คนต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนทำงานและนักเรียนนักศึกษาที่ต้องเดินทางจากพื้นที่ชานเมืองเข้ามาทำงานและศึกษาในเขตเมืองชั้นในของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างค่าโดยสารใหม่ยังมีการคิดค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน ทำให้ค่าเดินทางของผู้บริโภคบางรายในส่วนต่อขยายเพิ่มขึ้นถึง 200% หรือ 3 เท่าจากค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
แม้กรุงเทพมหานครจะให้เหตุผลว่า มีหนี้คงค้างกับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กว่า 32,000 ล้านบาท และต้องรับภาระจ่ายค่าจ้างเดินรถปีละประมาณ 8,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากค่าโดยสารส่วนต่อขยายอยู่ที่ 2,000 กว่าล้านบาทต่อปี ซึ่งการขึ้นราคาครั้งนี้ จะเพิ่มรายได้กรุงเทพมหานครราว 3,500 – 3,700 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม รายได้ดังกล่าวสร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มให้ประชาชนโดยตรงซึ่งไม่เป็นธรรมในภาวะเศรษฐกิจถดถอยและค่าครองชีพสูงในปัจจุบัน
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า หาก กทม. เริ่มจัดเก็บค่าโดยสารอัตราใหม่ อาจทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเดินทางเพื่อลดค่าใช้จ่าย จากการโดยสารรถไฟฟ้าไปใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ หรือในบางส่วนอาจหันไปใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลแทน ซึ่งอาจส่งผลให้ปัญหามลพิษ การจราจรติดขัด และอุบัติเหตุบนท้องถนนเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง
“กรุงเทพมหานครในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ยังมีทางเลือกอื่นในการจัดหางบประมาณเพื่ออุดหนุนและชดเชยรายจ่ายส่วนนี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มภาระให้ประชาชนในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งอาจยิ่งซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพและวิกฤตหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน” คงศักดิ์ระบุ
คงศักดิ์ ย้ำว่า การให้บริการขนส่งสาธารณะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่ควรถูกกำหนดด้วยกลไกราคา ผลตอบแทนทางสัญญา หรือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว พร้อมเรียกร้องให้กรุงเทพมหานครดำเนินนโยบายด้านขนส่งสาธารณะที่คำนึงถึงความเป็นธรรมทางสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคมีข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว 4 ประการ ได้แก่
1) ขอให้ประธานสภากรุงเทพมหานครเรียกประชุมสภากรุงเทพมหานครเพื่อเสนอญัตติด่วนให้ทบทวนและชะลอมาตรการปรับราคาค่าโดยสาร และรับฟังความเห็นจากประชาชนผู้ใช้บริการ จนกว่าจะเปิดเผยข้อมูลต้นทุนและสัญญาที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณะ พร้อมเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมรับฟังอย่างโปร่งใส
2) ขอให้สภากรุงเทพมหานครสนับสนุนแนวทางขอรับงบประมาณอุดหนุนรายปีจากรัฐบาล เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการบริหารและการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่จะกระทบต่อค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคและเพื่อให้ระบบขนส่งสาธารณะของกรุงเทพมหานครสามารถให้บริการในอัตราที่เป็นธรรมและเข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกกลุ่ม
3) ขอให้สภากรุงเทพมหานครเสนอให้สนับสนุนแนวทางการปรับโครงสร้างสัญญาจ้างเดินรถและหนี้สินกับเอกชน เพื่อไม่ให้ภาระต้นทุนตกอยู่กับผู้บริโภค และทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้ามีอัตรารวมไม่เกิน 10% ของรายได้ขั้นต่ำ พร้อมกำหนดให้มีการประเมินผลกระทบทางสังคม ก่อนการปรับราคา โดยให้ผลการประเมินต้องผ่านการพิจารณาของสภากรุงเทพมหานครก่อนประกาศใช้
4) ขอให้สภากรุงเทพมหานครสนับสนุนแนวทางการเจรจาพักชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินกับกระทรวงการคลัง หรือคืนภาระหนี้ค่าก่อสร้างและกรรมสิทธิ์รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 2 ให้กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยหรือกระทรวงคมนาคม เพื่อลดภาระทางงบประมาณของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากหากกรุงเทพมหานครรับภาระหนี้ดังกล่าวจะกระทบต่อสัญญาสัมปทานหลักที่จะครบอายุสัญญาในปี 2572 และทำให้มีปัญหาในอนาคตได้
ย้ำจุดยืน “ไม่แสวงหากำไร” เปิดทางให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม

ทางด้าน เนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย รองประธานสภากรุงเทพมหานคร ระบุว่า ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผลกระทบต่อรายจ่ายของประชาชนที่เกิดจากการขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้ว โดยสภา กทม. มองว่า บริการสาธารณะที่ “ไม่ควรแสวงหาผลกำไรจากประชาชน” ซึ่งเป็นสิ่งที่สภา กทม. ให้ความสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างเร่งด่วน สภา กทม. ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ และจะส่งต่อไปยังคณะทำงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1) คณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความเร่งด่วนสูงสุด 2) คณะกรรมการการจราจรและการขนส่ง เป็นคณะกรรมการเฉพาะที่ศึกษาและให้คำแนะนำด้านคมนาคมและการจราจรของกรุงเทพมหานคร รวมถึงจะประสานงานกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คือ ชัชาติ สิทธิพันธุ์ เพื่อปรึกษาหารือและหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
“สภา กทม. จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะวิสามัญฯ สายสีเขียว และพร้อมเปิดโอกาสให้ สภาผู้บริโภค รวมถึงประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนติดตามมีส่วนร่วม โดยจะทำเรื่องเชิญสภาผู้บริโภคมาให้ข้อมูล ส่วนประเด็นที่ว่าราคาค่าโดยสารจะสามารถปรับลดลงได้หรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบไม่ได้ เนื่องจากบทบาทของสภาคือเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบ แต่จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้ให้รวดเร็วที่สุด” รองประธานสภา กทม. ระบุ
วอน กทม. อย่าผลักภาระให้ประชาชน

ขณะที่ ธัญวรัตณ์ จิรายุวัฒนา ชมรมคุ้มครองผู้บริโภคเขตบางนา ในฐานะผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเปิดเผยถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าโดยสารว่า การที่ กทม. ปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจาก 15 บาท เป็น 17 – 45 บาท และสูงสุด 65 บาทตลอดสาย ทั้งยังมีการเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน ถือเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับประชาชนในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ทั้งนี้ มองว่าเสียงของผู้ใช้บริการตัวจริงควรถูกนำมาพิจารณา ก่อนดำเนินนโยบายใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง
“ตอนนี้ค่าเดินทางรวมทุกต่อวันละเกือบ 200 บาท ไหนจะค่ากิน ค่าอยู่ ค่าน้ำค่าไฟอีก ยิ่งช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี อยากฝากถึงท่านผู้ว่าฯ กทม. ช่วยพิจารณาชะลอการขึ้นราคาค่าโดยสารออกไปก่อน หรือหาวิธีบริหารจัดการรายของ กทม. โดยไม่ผลักภาระมาที่ผู้บริโภค” ธัญวรัตณ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ค้าน สายสีเขียวขึ้นราคา เป็น 65 บาท ผลักภาระให้ประชาชน
หยุดขึ้นราคาสายสีเขียว ดีเดย์ 1 พ.ย. ขึ้น 65 บาท คน กทม. แบกค่ารถไฟฟ้าอ่วม
“บีทีเอส” ประกาศขึ้นค่าโดยสารสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย เริ่ม 1 พ.ย. นี้
 
  
   



