Getting your Trinity Audio player ready... |

ระยะเวลา 5 ปี (กรกฎาคม 2564 – กรกฎาคม 2568) ของการจัดตั้ง สภาผู้บริโภค แม้จะเป็นองค์กรที่เพิ่งก่อตั้งในระยะเวลาเพียงไม่นาน แต่การทำงานของสภาผู้บริโภคได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยสะท้อนเสียงและปกป้องสิทธิของประชาชน ในฐานะผู้บริโภค จากโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่หลั่งไหลมาอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเรื่องร้องเรียนถึง 68,247 เรื่อง ที่สะท้อนถึงความเดือดร้อน และความเปราะบางของระบบเศรษฐกิจและสังคมไทย
ภัยออนไลน์ – การหลอกลวงดิจิทัลปัญหาใหญ่
สภาผู้บริโภค และหน่วยงานประจำจังหวัด 20 แห่ง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภค ตั้งแต่ปี 2564 – กรกฎาคม 2568 รวมทั้งหมด 68,247 เรื่อง โดย 5 ปีที่ผ่านมา ประเภทเรื่องร้องเรียนที่มีจำนวนมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่
- สินค้าและบริการทั่วไป 28,427 เรื่อง คิดเป็น 41.65% ของทั้งหมด
- การเงินและการธนาคาร 18,090 เรื่อง คิดเป็น 26.51%
- การสื่อสาร โทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ 8,018 เรื่อง คิดเป็น 11.75%

ตัวเลขเหล่านี้ตอกย้ำว่าความเดือดร้อนของผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงกระจุกตัวอยู่กับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันและบริการทางการเงินที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะในช่องทางออนไลน์ และดิจิทัลที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน และมีปริมาณเพิ่มขึ้นตามพัฒนาการของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในปี 2565 ปัญหาของผู้บริโภคในด้านการเงินและธนาคารพุ่งสูงที่สุด กว่า 7,000 เรื่อง ก่อนจะลดลงในปีถัดมา ปัญหาด้านสินค้าและบริการทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2566 มีมากกว่า 10,000 เรื่อง แม้จะลดลงเล็กน้อย ในปี 2566 – 2567 แต่ยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 8,000 เรื่อง แสดงให้เห็นว่าเป็นปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนมากที่สุดต่อเนื่องทุกปี ขณะที่ปี 2567–2568 บริการด้านสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยี มีแนวโน้มปัญหามากขึ้น ในอนาคต
ปัญหาเกิดขึ้นซ้ำ ๆ บทเรียนที่ยังไม่ถูกแก้ไข

ปัญหาของผู้บริโภคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แม้จะชะลอลงในบางปี แต่ปริมาณปัญหายังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อย จะพบปัญหาที่โดดเด่น เช่น
- บริการบันเทิงออนไลน์ เกือบ 8,000 เรื่อง สะท้อนปัญหาการขายบริการโดยไร้ความรับผิดชอบ
- ประกันโควิด –19 มากกว่า 7,800 เรื่อง ผู้บริโภคถูกปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหม ทั้งที่ทำประกันไว้เต็มจำนวน
- สินค้าออนไลน์ ราว 7,500 เรื่อง ปัญหาหลักคือ “ไม่ได้รับสินค้า” และ “ไม่คืนเงิน”
- โทรศัพท์มือถือและ SMS หลอกลวง กว่า 5,900 เรื่อง ปัญหาที่มาพร้อมโลกดิจิทัล
- สินค้าอิเล็กทรอนิกส์/เครื่องใช้ไฟฟ้า 4,055 เรื่อง ส่วนใหญ่คือ “สินค้าชำรุดและไร้การรับประกันที่เป็นธรรม”
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เป็นปัญหาอันดับต้น ๆ ของผู้บริโภคในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ปัญหาแอปเงินกู้ สิทธิบัตรทอง ยานพาหนะและอุปกรณ์แต่งรถ บริการเสริมความงาม และอาหาร
สิ่งที่น่าสนใจคือ ปัญหาเหล่านี้เกิดซ้ำทุกปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในบางช่วง เช่น ปี 2566 ที่การร้องเรียนทะลุ 10,000 เรื่อง โดยเฉพาะสินค้าและบริการทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาหลักที่มีสัดส่วนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด แม้สภาผู้บริโภคจะเร่งแก้ไข แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป และยังเป็นปัญหาสำคัญของผู้บริโภค
5 ปีแห่งการวางรากฐานของ สภาผู้บริโภค
บทบาทของสภาผู้บริโภค ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแค่ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้ ไปสู่การกำหนดนโยบายและมาตรการเชิงป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย การยกระดับมาตรฐานอีคอมเมิร์ซ หรือการผลักดันให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมมีระบบป้องกันมิจฉาชีพออนไลน์ ผ่านการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้
- จัดตั้งเครือข่ายผู้บริโภคระดับจังหวัด เพื่อรองรับการร้องเรียนในภูมิภาค
- ระบบร้องเรียนที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้ผู้บริโภคกล้าใช้สิทธิมากขึ้น
- จัดเวทีสาธารณะและงานวิจัย เพื่อสร้างการรับรู้และเตือนภัยสังคมอย่างต่อเนื่อง
- ผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบาย เช่น มาตรการเปิดก่อนจ่าย และแนวทางป้องกันมิจฉาชีพดิจิทัล
การทำงานของสภาองค์กรของผู้บริโภคในรอบ 5 ปีไม่เพียงสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักว่า “การคุ้มครองผู้บริโภค” ไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือการ สร้างกลไกป้องกันเชิงโครงสร้าง ที่ทำให้ผู้บริโภคไทยยืนอยู่บนฐานที่มั่นคงและเป็นธรรมมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จดหมายขอบคุณจากผู้ร้อง ถึงสภาผู้บริโภค เมื่อการร้องเรียน เปลี่ยนชีวิตได้จริง