Ribbon

ตะลึง! ชาไทย 11 ยี่ห้อ ใส่สีเกินมาตรฐาน ผู้บริโภคเสี่ยงไม่ปลอดภัย

ตะลึง! ชาไทย 11 ยี่ห้อ ใส่สีเกินมาตรฐาน ผู้บริโภคเสี่ยงไม่ปลอดภัย

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 สภาผู้บริโภค ร่วมกับนิตยสารฉลาดซื้อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดงานแถลงข่าว “ผลทดสอบสีในชาปรุงสำเร็จ  ที่ห้องประชุมมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อเฝ้าระวังสินค้าด้วยการทดสอบและยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า ตามวัตถุประสงค์โครงการเฝ้าระวังสินค้าด้วยการทดสอบสินค้าประจำปี 2568 พบชาปรุงสำเร็จ 11 ยี่ห้อ จากตัวอย่าง 15 ยี่ห้อ ใช้สีสังเคราะห์เกินมาตรฐาน ทำผู้บริโภคเสี่ยงรับสารมากกว่าที่คิด

สุ่มตรวจ ออนไลน์–ออฟไลน์รวม 15 ตัวอย่าง

ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อ ได้สุ่มสำรวจชาผงสำเร็จรูป เพื่อตรวจสอบวัตถุเจือปนอาหาร สีสังเคราะห์ เรื่อง สีในชา ชาผงสำเร็จรูปและชาปรุงสำเร็จ โดยเก็บตัวอย่างชาไทยปรุงสำเร็จ ในช่วงเดือนสิงหาคม 2568  สุ่มซื้อจากร้านจัดจำหน่ายออนไลน์  13 ตัวอย่าง และซื้อที่ร้านจัดจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล 2 ตัวอย่าง รวมทั้งหมด 15 ตัวอย่าง จากนั้นได้ส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณสีสังเคราะห์ (Synthetic food color) ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 444) พ.ศ. 2566 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีการใช้ และอัตราส่วนของวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 3) ครอบคลุมสารสังเคราะห์จำนวน 10 รายการ ประกอบด้วย 1.Tartrazine INS102 , 2.Ponceau 4R INS124, 3.Sunset yellow FCF INS110, 4.Allura Red AC INS129, 5.Carmoisine or Azorubine INS122, 6.Erythrosine INS127, 7.Fast green FCF INS143, 8.Brilliant blue FCF INS133, 9.Patent blue V INS131, 10.Quinoline yellow INS104

ทัศนีย์ แน่นอุดร รองผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และบรรณาธิการนิตยสารฉลาดซื้อ ระบุว่า ชาไทยสำเร็จรูปทั้งหมด 15 ตัวอย่าง ได้นำมาพิจารณาจัดประเภทชาตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 196 พ.ศ.2543 เรื่อง ชา จำแนกเป็น 2 ประเภท “ชาปรุงสำเร็จที่อนุญาตให้ใส่สี” 13 ตัวอย่าง และ “ชาใบไม่แต่งกลิ่นที่ห้ามใส่สี” 2 ตัวอย่าง ผลปรากฏว่า พบตัวอย่างไม่ผ่านมาตรฐานรวม 11 ตัวอย่าง หรือคิดเป็นร้อยละ 73 ของชาที่นำมาตรวจสอบครั้งนี้

ผลทำสอบชาไทย

พบ 9 ตัวอย่าง ใส่สีเกินปริมาณที่กฎหมายกำหนด

กลุ่มชาปรุงสำเร็จ ซึ่งอนุญาตให้ใส่สีได้ จำนวน 13 ตัวอย่าง พบว่า ไม่ตรงตามเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาต โดยใส่สีเกินปริมาณที่กำหนด จำนวน 9 ตัวอย่าง คือ Bluemocha ชาแดง ชาไทย,LongBeach Thai Tea, Tenju ชาไทย ,ดอยชาไทยชาแดง ชาไทย,ชาไทยผงปรุงสำเร็จลุงเป๋อ ตราฮิลล์คอฟฟ์,ม้าบิน ชาแดงอัสสัม, เจดี ไทยชา ชาไทยผงปรุงสำเร็จ,บอนกาแฟ ชาผงปรุงสำเร็จ สูตรต้นตำรับ,ชาไทย ตรานกอินทรีย์ทอง โดยมีการตรวจพบสี 4 ชนิดหลัก คือ Tartrazine, Ponceau, Sunset yellow และ Brilliant blue

ขณะเดียวกันพบกลุ่มที่ “เป็นไปตามเกณฑ์” จำนวน 4 ตัวอย่าง ได้แก่ มังกรบิน, 666, ชาตรามือ และชาไทยตราสิงห์

ชาใบไม่แต่งกลิ่น ไม่ผ่านมาตรฐานทั้งหมด

สำหรับชาใบไม่แต่งกลิ่น ใส่สีไม่ได้ จำนวน 2 ตัวอย่าง พบว่า ช้างทอง ชาผงปรุงสำเร็จ สูตรชาไทย,ชาใต้ ตราอินทรีแดง ไม่ผ่านมาตรฐานทั้ง 2 ตัวอย่าง คือ พบสีสังเคราะห์ Sunset yellow 82.56 มก./กก.และ 108.31 มก./กก. ตามลำดับ

“ประเด็นที่เราอยากสื่อสารถึงผู้บริโภค คือสารสังเคราะห์หรือสีสังเคราะห์ในชาผงสำเร็จรูปยังมีอยู่ในปริมาณสูง แม้ศูนย์ทดสอบฉลาดซื้อจะดำเนินการทดสอบ และรณรงค์สื่อสารถึงผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ในตัวอย่างชาที่ตรงตามเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตก็ไม่ควรวางใจ เพราะในการซื้อชาไทยดื่มจริงในชีวิตประจำวัน การชงชาของร้านเครื่องดื่มแต่ละร้านอาจมีสูตรเฉพาะตัวที่ใช้ชาผงสำเร็จรูปหลายชนิดรวมกันซึ่งตรงนี้ย่อมทำให้การบริโภคต่อแก้วได้รับสารสังเคราะห์ที่หลากหลายมากขึ้นตามไปด้วย” ทัศนีย์ย้ำ

ผู้บริโภคเสี่ยงรับสีเกินโดยไม่รู้ตัว

ด้าน โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค ให้ข้อสังเกตว่า ในจำนวนชาผงสำเร็จรูป 15 ตัวอย่าง ยังพบว่าคำแนะนำในการบริโภคที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก เช่น บางยี่ห้อฉลากกำหนด ให้ใช้เพียง 2 กรัม ต่อน้ำร้อน 240 มิลลิลิตร ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที บางยี่ห้อให้ใช้ ผงชา 20 กรัม แช่ในน้ำร้อน180 มิลลิลิตร 4 นาที สะท้อนว่าความเข้มข้นของชาแต่ละชนิดแตกต่างกัน บางยี่ห้อการชงกำหนดให้ใช้ปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การบริโภคจึงต้องปฏิบัติตามฉลาก จุดนี้ยิ่งเป็นเรื่องน่าห่วงกังวลต่อผู้บริโภค เพราะจากทั้งหมด 15 ตัวอย่าง มี 6 ตัวอย่าง ที่ฉลากไม่ระบุเวลาแช่ หรือการกำหนดเงื่อนไขการชงที่ชัดเจน อีกทั้งเชื่อว่าการบริโภคส่วนใหญ่ซื้อจากร้านแบบพร้อมดื่ม เพราะสะดวกไม่ได้ชงเอง การบริโภคเครื่องดื่มชาไทยในวันนี้เพื่อความปลอดภัยต่อตัวท่านเองจึงต้องบริโภคแต่น้อย

สภาผู้บริโภคเห็นความสำคัญของการเฝ้าระวังการบริโภคชาไทยเพราะเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากมูลค่าทางการตลาดและยังคงมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาผลิตมากขึ้น ซึ่งการทดสอบสีในชา ชาผงสำเร็จรูปและชาปรุงสำเร็จที่ได้ดำเนินการในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมายังพบว่า ร้อยละ 50 พบแสดงฉลากไม่ครบถ้วน และพบสารสังเคราะห์ปริมาณสูง เข้มข้นจึงจำเป็นต้องมีการเฝ้าระวัง เตือนภัยผู้บริโภคต่อไป เพื่อยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าชาไทย ชาผงสำเร็จรูปและชาปรุงสำเร็จ และเชื่อมั่นว่าอยู่ในขอบเขตที่ผู้ประกอบการสามารถทำได้อย่างแน่นอน

“ผมคิดว่าในระยะเพียง 1 – 2 ปี ที่สังคมเราในหลายภาคส่วนได้ร่วมการเฝ้าระวัง รณรงค์เรื่องสารสังเคราะห์ในเครื่องดื่มชาไทย เราได้เห็นแล้วว่ามีความตื่นตัวและการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ วันนี้เราได้เห็นว่าหลายยี่ห้อออกเมนูใหม่ๆ เป็นชาไทยที่ไม่ไส่สีแล้ว ซึ่งเราย่อมทำได้เพราะการส่งออกชาไทยไปต่างประเทศของเราก็ดำเนินการด้วยมาตรฐานที่ไม่ใส่สารสังเคราะห์หรือใส่แต่ในปริมาณที่ไม่เกินมาตรฐานมานานแล้ว ผมจึงมั่นใจว่า เราจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การบริโภคชาไทยที่ปลอดภัยได้ครับ” โสภณกล่าว

นอกจากนี้สภาผู้บริโภคมีข้อเรียกร้องสำคัญต่อการเฝ้าระวังมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้าชาไทย ชาผงสำเร็จรูปและชาปรุงสำเร็จ คือเรื่องฉลากที่ในวันนี้ต้องแสดงส่วนประกอบสีผสมอาหาร  การแจ้งข้อมูลการบริโภคที่ชัดเจน ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเข้ามาคุ้มครองผู้บริโภคและยกระดับมาตรฐานได้

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง