
ปีใหม่ช่วงเวลาแห่งการเดินทางเพื่อเฉลิมฉลอง ที่มาพร้อมความเสี่ยงอุบัติเหตุ สิ่งสำคัญไม่แพ้การขับขี่ปลอดภัยคือการ “รู้สิทธิการรักษาของตัวเอง” ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่าย และทำให้ได้รับการรักษาได้ทันท่วงที
เมื่อถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ บรรยากาศแห่งความสุข การเดินทาง และการเฉลิมฉลองเกิดขึ้นทั่วประเทศ แต่สิ่งที่มักตามมาพร้อมกันคือ “อุบัติเหตุทางถนน” ที่สร้างทั้งความสูญเสียและภาระค่าใช้จ่ายไม่ทันตั้งตัว การขับขี่อย่างระมัดระวังคือการป้องกันที่ดีที่สุด แต่เมื่อเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น สิ่งสำคัญคือการรู้สิทธิของตนเอง ที่จะช่วยให้ได้รับความคุ้มครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
สภาผู้บริโภค รวบรวมสิทธิที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางถนน ทั้ง พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถ สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ 3 กองทุน ‘บัตรทอง–ประกันสังคม–สวัสดิการข้าราชการ’ และสิทธิเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่ (UCEP) เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานการณ์จำเป็น
พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถ
สำหรับสิทธิเบื้องต้น กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมีประกันภัยภาคบังคับ หรือที่เรียกว่า “พ.ร.บ.” เพื่อเป็นหลักประกันขั้นพื้นฐานสำหรับผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนน โดยผู้บาดเจ็บมีสิทธิได้รับการคุ้มครองโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกหรือผิดก่อน
ค่าเสียหายแบ่งออกเป็น 2 ระดับดังนี้
ค่าเสียหายเบื้องต้น (ได้รับหลังยื่นเอกสารภายในประมาณ 7 วัน)
- ค่ารักษาพยาบาลตามจริง สูงสุด 30,000 บาท
- กรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือสูญเสียอวัยวะ 35,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติม (กรณีพิสูจน์แล้วว่าเป็นฝ่ายถูก)
- ค่ารักษาพยาบาลรวมสูงสุดไม่เกิน 80,000 บาท
- เสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุด 500,000 บาท
- ค่าชดเชยรายวันกรณีเป็นผู้ป่วยใน วันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
กรณีรถไม่มี พ.ร.บ.
- เจ้าของรถต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเบื้องต้นเองทั้งหมด
- ผู้ประสบภัยสามารถยื่นเบิกจาก “กองทุนทดแทนผู้ประสบภัย”
- หน่วยงานจะเรียกเก็บเงินคืนจากเจ้าของรถพร้อมค่าปรับร้อยละ 20
สิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ 3 กองทุน
เมื่อค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลสูงเกินสิทธิของ พ.ร.บ. สิทธิหลักที่แต่ละคนมีอยู่ในระบบประกันสุขภาพจะเข้ามาช่วยต่อทันที ได้แก่ บัตรทอง ประกันสังคม และสวัสดิการข้าราชการ โดยสามารถใช้ร่วมกับสิทธิ พ.ร.บ. ได้
1) สิทธิบัตรทอง
หากประสบอุบัติเหตุจากรถและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จะมีการใช้สิทธิจาก พ.ร.บ. ผู้ประสบภัยจากรถก่อน ตามวงเงินที่กำหนด โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพียงแสดงบัตรประชาชนพร้อมข้อมูล พ.ร.บ. รถ โรงพยาบาลจะดำเนินการเบิกจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยให้ หลังจากใช้วงเงิน พ.ร.บ. ครบแล้ว จึงใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท ต่อเนื่องได้ทันที
นอกจากนี้ ในกรณีที่เกิดความเสียหายจาก “กระบวนการรักษาพยาบาลเอง” ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ผู้ป่วยยังสามารถยื่นขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นได้สูงสุด 400,000 บาท ตามมาตรา 41 เพื่อลดผลกระทบและภาระของผู้ป่วยและครอบครัว
2) สิทธิประกันสังคม
ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 หากเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลตามที่ลงทะเบียนไว้ได้ทันที เพียงยื่นบัตรประชาชน ไม่ต้องสำรองจ่าย ทั้งกรณีผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
หากเกิดอุบัติเหตุจากรถและรถมี พ.ร.บ. จะใช้สิทธิ พ.ร.บ. ก่อน จากนั้นโรงพยาบาลจะเรียกเก็บค่ารักษาที่เหลือจากประกันสังคม แต่หากรถไม่มี พ.ร.บ. ผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 ยังใช้สิทธิประกันสังคมได้ในกรณีฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุที่ ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องกับการทำงานและไม่มี พ.ร.บ. จะไม่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ นายจ้างหรือผู้ประสบเหตุจำเป็นต้องสำรองจ่ายก่อน แล้วจึงนำไปเบิกคืนจากกองทุนเงินทดแทนต่อไป
3) สิทธิข้าราชการ
ข้าราชการและครอบครัวที่อยู่ในสิทธิสามารถใช้ “ระบบจ่ายตรง” เข้ารับการรักษาได้ที่โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศ โดยไม่ต้องสำรองจ่ายก่อน และในกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ก็สามารถเบิกค่ารักษาได้ตามหลักเกณฑ์ของกรมบัญชีกลางที่กำหนด
เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่
นอกจากสิทธิที่ว่ามาข้างต้นแล้วนั้น หากเกิดอาการเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ที่ไม่สามารถเดินทางไปใช้บริการโรงพยาบาลตามสิทธิได้ทัน ยังมีสิทธิ UCEP (Universal Coverage for Emergency Patients) หรือสิทธิ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต มีสิทธิทุกที่” ถือเป็นอีกกลไกสำคัญที่ช่วยชีวิตผู้บริโภคในยามคับขัน ที่ช่วยให้ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาได้ทันทีที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชน โดยไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลในระยะ 72 ชั่วโมงแรก หรือจนกว่าจะพ้นภาวะอันตรายและสามารถเคลื่อนย้ายได้ เพียงใช้บัตรประชาชนยืนยันตัวตน
เกณฑ์ของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ได้แก่ อาการหมดสติ ไม่รู้สึกตัว หายใจลำบากหรือหยุดหายใจ เจ็บหน้าอกรุนแรงเฉียบพลัน แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีก หรือมีเลือดออกมากจนเสี่ยงต่อชีวิต สิทธินี้จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำและขจัดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายในยามฉุกเฉิน
ปีใหม่ – เดินทางอย่างปลอดภัย และต้อง “รู้สิทธิ”
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังมาถึง เป็นช่วงที่ความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ สภาผู้บริโภคขอแจ้งเตือนให้ประชาชนระมัดระวังในการเดินทาง ทั้งการขับขี่ การใช้บริการขนส่งสาธารณะ และการสวมหมวกนิรภัยหรือคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง พร้อมกันนี้ขอให้ “รู้สิทธิของตนเอง” หากเกิดกรณีเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ สามารถเข้ารับบริการรักษาที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ภายใต้สิทธิ UCEP โดยไม่ต้องสำรองจ่าย เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและลดความสูญเสียที่ไม่จำเป็น
ทั้งนี้ หากถูกเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลเกินสิทธิ หรือถูกเรียกเก็บค่าบริการที่ควรได้รับฟรีตามสิทธิที่มี ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่ายา เวชภัณฑ์ หรือค่าบริการทางการแพทย์อื่น ๆ สามารถใช้สิทธิร้องเรียนได้ตามช่องทางของแต่ละสิทธิ
- สิทธิบัตรทอง : สายด่วน สปสช. 1330
- สิทธิประกันสังคม : สายด่วนประกันสังคม 1506
- สิทธิ UCEP : ศูนย์ประสานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต 02 872 1669
ไม่ว่าจะถือสิทธิการรักษาพยาบาลประเภทใด หากยังไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือเรื่องร้องเรียนไม่มีความคืบหน้า สามารถร้องเรียนได้ที่สภาผู้บริโภค ผ่านช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ tcc.or.th หรือ โทร 1502
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



