ชวนผู้เสียหาย ‘อาร์ฑิชัย คลินิก’ ร้องเรียนกับสภาผู้บริโภค หลังใช้บริการที่คลินิกไม่ได้

สภาผู้บริโภค เชิญชวนผู้เสียหายกรณีไม่สามารถใช้บริการ ‘อาร์ฑิชัย คลินิก’ ที่อ้างปิดปรับปรุงชั่วคราว ร้องเรียนกับสภาผู้บริโภค ระบุ ผู้ใช้บริการมีสิทธิขอรับเงินคืนตามกฎหมาย หากคลินิกฯ ผิดสัญญาการให้บริการและละเมิดสิทธิผู้บริโภค

วันนี้ (13 เมษายน 2566) โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคจำนวนมากที่ใช้บริการสถานประกอบเวชกรรมคลินิกความงามของบริษัท อาร์ฑิชัย 7824 จำกัด หรือ ‘ริชวิทซ์คลินิกเวชกรรม’ สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 ใบอนุญาตเลขที่ 10101011659 แต่ไม่สามารถใช้บริการได้ และคลินิกดังกล่าวได้ประกาศให้ผู้บริโภคไปใช้บริการที่ ‘อัลตร้า สกิน’ ที่ชั้น 10 สาขาเซ็นทรัล พระราม 9 ต่อมาเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2566 ได้ประกาศปิดกิจการหรืองดให้บริการทางเฟซบุ๊กแฟนเพจอฑิชัย

สภาผู้บริโภคเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดสัญญาการให้บริการและเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ในประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจการให้บริการเสริมความงามเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ. 2563

ดังนั้น ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีสิทธิขอรับเงินคืนตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาฯ ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจปิดกิจการ ปิดปรับปรุง หรือย้ายสถานที่ให้บริการ เพราะทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้บริการแห่งอื่นหรือสาขาอื่นได้โดยสะดวก หรือไม่สามารถให้บริการเสริมความงามได้ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้

โดยสามารถร้องเรียนทางออนไลน์มาที่สภาผู้บริโภคและแนบหลักฐานประกอบการร้องเรียน ดังนี้ 1. หลักฐานการชำระเงิน 2. ใบโบชัวร์โฆษณา 3. ใบเสร็จรับเงิน 4. ระบุจำนวนเงินความเสียหายหลังหักการใช้บริการไปบางส่วน และ 5. หลักฐานอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์การดำเนินการใช้สิทธิตามกฏหมาย ผ่านเว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/ และคลิกคำว่า ‘ร้องเรียน’ ที่หน้าเว็บไซต์

“แม้แต่การที่ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการล่าช้าเกินสมควร หรือให้บริการที่ไม่เหมาะสม ที่อาจเป็นอันตรายกับผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจยังไม่สามารถแก้ไขได้ หรือผู้บริโภคมีหลักฐานรับรองจากแพทย์ว่าหากใช้บริการเสริมความงามต่อไปอาจทำให้ได้รับอันตรายต่อสุขภาพหรือร่างกาย ผู้ประกอบธุรกิจต้องคืนเงินให้ผู้บริโภคตามสัดส่วนที่ยังไม่ได้ให้บริการตามที่กฎหมายระบุไว้” โสภณ กล่าว

โสภณ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้บริหารของบริษัทฯ ดังกล่าวได้โอนย้ายรายชื่อลูกค้าไปยังคลินิกแห่งใหม่ ซึ่งในประเด็นการโอนย้ายรายชื่อไปจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากผู้บริโภคตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ก่อน และบริษัทฯ จะต้องไม่ตัดสิทธิหรือลิดรอนสิทธิในการใช้บริการในคลินิกใหม่ ทั้งเงื่อนไขรับบริการหรือการใช้สิทธิทางกฏหมายในการเรียกร้องในอนาคต นอกจากนี้ยังพบว่าคลินิกแห่งใหม่ที่ระบุชื่อหน้าสถานประกอบการที่ตั้งเดิม ยังใช้ใบอนุญาตคลินิกเวชกรรมเดิมอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่ไม่สามารถใช้บริการที่คลินิกฯ ดังกล่าวได้ และยังเหลือจำนวนคอร์สความงามที่ได้ซื้อบริการไว้ สามารถร้องเรียนเข้ามายังสภาผู้บริโภค ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

#สภาองค์กรของผู้บริโภค #สภาผู้บริโภค #ผู้บริโภค