เสียงผู้ประกันตนไม่ถึงหู ปฏิทินประกันสังคม เดินหน้าต่อ แม้ถูกคัดค้านหนัก

เสียงผู้ประกันตนไม่ถึงหู ปฏิทินประกันสังคม เดินหน้าต่อ แม้ถูกคัดค้านหนัก

ประเด็นร้อนที่สังคมให้ความสนใจอย่างมากในขณะนี้ คือ กรณีที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ยังคงเดินหน้าจัดทำ “ปฏิทินปีใหม่ 2569” ด้วยงบประมาณสูงถึง 49 ล้านบาท แม้ผลการสำรวจของประกันสังคมเองจะระบุว่ามีผู้ที่ต้องการปฏิทินเพียง 37.58% แต่ที่ประชุมกลับมีมติให้ผลิตต่อ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อการประชาสัมพันธ์และเพื่อไม่ให้ผู้ที่ยังต้องการรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม การตัดสินใจครั้งนี้จึงทำให้สังคมตั้งคำถามว่าการใช้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลนี้สมเหตุสมผลจริงหรือไม่ และเสียงของผู้ประกันตนมีน้ำหนักเพียงใดในการตัดสินใจในกระบวนการตัดสินใจของประกันสังคม

ผู้ประกันตนระบุ ไม่เคยได้รับ และไม่เห็นด้วย

ด้วยความสงสัยว่ามีผู้ประกันตนคนไหนได้รับปฏิทินประกันสังคมบ้างที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคจึงได้สำรวจความคิดเห็นโดยการตั้งโพสต์ในเฟสบุ๊กเพจ สภาองค์กรของผู้บริโภค เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 68 เพื่อสอบถามความเห็นผู้ประกันตนว่า “ผู้ประกันตนมีใครเคยได้ ‘ปฏิทินประกันสังคม’ บ้างไหม? เห็นว่าทำมาเพื่อสื่อสารสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนรับรู้ทั่วถึง แต่แอดไม่เคยได้รับเลย แล้วถ้าเลือกได้ คุณอยากให้เงินก้อนนี้ไปทำอะไรแทนดี? หรือสิทธิประโยชน์แบบไหนถึงจะตอบโจทย์ผู้ประกันตน”

จากการสำรวจความเห็นของผู้ประกันตนโดยสภาผู้บริโภค พบว่าเสียงส่วนใหญ่เกิน 90% ระบุว่า ไม่เคยได้รับปฏิทินประกันสังคมเลย แม้บางคนจะส่งเงินสมทบมานานถึง 10-40 ปีก็ตาม และหลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่ามีการแจกปฏิทินนี้

“ผมเริ่มเข้าระบบประกันสังคม ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน​ 2568 ยังไม่เคยได้รับปฏิทิน​ เลยซักครั้ง”

“จ่ายประกันสังคมมา 27 ปี ติดต่อประกันสังคมก็บ่อยไม่เคยได้ปฏิทินสักเล่ม ปีนี้ต้องเข้าไปขอดูเผื่อจะได้สักเล่มก็ยังดี เป็นของสะสมได้น่ะเพราะหายากมาก”

“20 ปีไม่เคยได้ เอาเงินไว้จ่ายบำนาญชราภาพดีกว่า เพิ่มเงินจ่ายชราภาพให้มากกว่านี้จะดีกว่านะครับ”

นอกจากนี้ผู้ประกันตนส่วนใหญ่ยังมองว่าการใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อผลิตปฏิทินเป็นเรื่อง “ไม่จำเป็น” และ “ไม่ตอบโจทย์” โดยมีการตั้งคำถามย้อนกลับว่า “ทำมาแจกใคร?”

ข้อเสนอแนะจากภาคประชาชน: เงินควรถูกใช้เพื่ออะไร?

เมื่อพิจารณาว่าเงิน 49 ล้านบาทนี้สามารถนำไปสร้างประโยชน์อย่างอื่นได้มากมาย จึงมีข้อเสนอแนะจากผู้ประกันตนและภาคสังคมว่าควรนำเงินก้อนนี้ไปใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น

เพิ่มสิทธิประโยชน์ นำเงินไปเพิ่มเงินบำนาญชราภาพ เพิ่มวงเงินค่าทำฟัน หรือสิทธิประโยชน์ทางสุขภาพอื่นๆ

พัฒนาการสื่อสาร พัฒนาแอปพลิเคชันและช่องทางการสื่อสารให้ทันสมัยและใช้งานง่าย

นอกจากนี้ความคลางแคลงในการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เหมาะสม ส่อแววถึงความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความโปร่งใส ซึ่งเพจประกันสังคมก้าวหน้า ได้เปิดเผยข้อมูลว่าประกันสังคม มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อบริหารงานในแต่ละปีสูงถึง 3,954 – 6,614 ล้านบาท โดยมีค่าใช้จ่ายจ้างพิมพ์ปฏิทินรวมอยู่ในงบประมาณนี้ด้วย

ซึ่งกรณีปฏิทินนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความไม่สอดคล้องกันระหว่างการตัดสินใจของผู้บริหารและเสียงสะท้อนจากผู้ประกันตนผู้จ่ายเงินสมทบทุกเดือน รศ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน และเพจประกันสังคมก้าวหน้า ได้ระบุถึงความพยายามของทีมงานเพจประกันสังคมก้าวหน้าในการผลักดันให้ยกเลิกงบประมาณนี้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อื่น แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

โดยส่วนที่มีการเบิกจ่ายไปมากที่สุดคืองบประมาณแผนงานยุทธศาสตร์ (1,982 ล้านบาท) ซึ่งครอบคลุมงบโครงการต่าง ๆ ได้แก่ รายการที่ดิน อาคาร สิ่งก่อสร้าง ค่าพัฒนาและปรับปรุงระบบสารสนเทศ รวมถึงรายการอื่น ๆ เช่น งบจ้างพิมพ์ปฏิทินประกันสังคมประจำปี 2568 ที่ถูกระบุอยู่ในงบประมาณส่วนนี้ด้วย

สุขภาพที่เท่าเทียม คือสิ่งที่ต้องเรียกร้อง

สภาผู้บริโภคมีความเห็นว่า ประกันสังคมควรเร่งแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านบริการสุขภาพ เพราะผู้ประกันตนเป็นกลุ่มเดียวที่ต้องจ่ายเงินทุกเดือน แต่กลับได้รับบริการที่ด้อยกว่าสิทธิอื่น ซึ่งกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างเลี่ยงไม่ได้

อย่างที่ สุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานคณะอนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค เคยนำเสนอข้อเสนอสำคัญจากงานวิจัยของสภาผู้บริโภคเพื่อพัฒนาระบบประกันสังคมให้มีความเท่าเทียมกับระบบสุขภาพอื่น ๆ ใน เวทีความร่วมมือเพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของผู้ประกันตน โดยเน้นว่าผู้ประกันตนควรได้รับสิทธิประโยชน์ด้านบริการสุขภาพอย่างเสมอภาค ไม่ว่าจะเป็นการรักษาโรคหรือบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เช่นเดียวกับที่ผู้ใช้สิทธิบัตรทองและข้าราชการได้รับในปัจจุบัน ซึ่งทั้งหมดนี้ควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่รัฐจัดให้โดยไม่ต้องมีการร่วมจ่ายเพิ่มเติม

สุรีรัตน์ ยังชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในระบบปัจจุบัน โดยเฉพาะในด้านการเข้าถึงบริการเชิงป้องกัน เช่น การคัดกรองโรค วัคซีน การดูแลหญิงตั้งครรภ์ และการเข้าถึงยาคุมกำเนิดหรือถุงยางอนามัย ซึ่งผู้ใช้สิทธิบัตรทองสามารถรับบริการเหล่านี้ได้ฟรีจากสถานบริการใกล้บ้านหรือร้านขายยาที่ร่วมโครงการ ในขณะที่ผู้ประกันตนที่ต้องส่งเงินสมทบทุกเดือนกลับไม่สามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้เท่าเทียมกัน ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคจึงเสนอให้มีการปรับปรุง พ.ร.บ. ประกันสังคม เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิที่เสมอภาค และทำให้ระบบสุขภาพของไทยลดความเหลื่อมล้ำลงอย่างเป็นรูปธรรม

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง