| Getting your Trinity Audio player ready... |

ในภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การผ่อนค่างวดรถยนต์อาจกลายเป็นภาระที่หนักเกินรับไหว หลายคนจึงเลือก “คืนรถ” ให้กับไฟแนนซ์ด้วยความเชื่อว่า เมื่อส่งมอบทรัพย์สินคืนแล้ว หนี้สินก็น่าจะสิ้นสุดลง แต่ในความเป็นจริง สัญญาเช่าซื้อมีรายละเอียดซ่อนอยู่มากมายและบางครั้งก็กลายเป็นกับดักที่ทำให้ผู้บริโภคต้องเผชิญคดีความอย่างไม่คาดคิด
กรณีศึกษาจากจังหวัดพะเยาเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนปัญหาดังกล่าวอย่างชัดเจน ผู้ร้องเรียน นายนพ (นามสมมติ) ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์หรู BMW รุ่น X3 กับธนาคารเอกชนรายหนึ่ง โดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาผ่อนชำระตรงเวลามาโดยตลอด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2562 สถานการณ์ทางการเงินเริ่มตึงตัว ทำให้ต้องตัดสินใจคืนรถเพื่อยุติภาระหนี้สินที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต
วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ผู้ร้องนำรถมาคืนธนาคารที่สาขาพะเยา ขั้นตอนการส่งมอบผ่านไปอย่างราบรื่น เจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจรับรถและลงนามในเอกสารรับคืน ซึ่งมีข้อความสำคัญชัดเจนว่า “ไม่เรียกร้องค่าส่วนต่างหรือค่าขาดประโยชน์ใด ๆ” พร้อมลายเซ็นกำกับ ทั้งสองฝ่ายจึงเชื่อว่ากระบวนการทั้งหมดได้ปิดฉากลงเรียบร้อย แต่เหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลังจากนั้นนานถึง 6 ปี เมื่อผู้ร้องได้รับการติดต่อจากสำนักงานกฎหมายและบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แจ้งให้ชำระ “ค่าขาดราคา” เป็นจำนวนกว่า 600,000 บาท ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับเอกสารรับคืนที่ผู้ร้องมีอยู่ ทำให้เขาจำเป็นต้องปฏิเสธ และยืนยันให้ดำเนินการตามขั้นตอนศาลเพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง
เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อในเดือน กันยายน พ.ศ. 2568 บริษัทที่รับโอนสิทธิ์จากธนาคารได้ยื่นฟ้องเรียกค่าขาดราคาต่อศาลจังหวัดพะเยา พร้อมนัดยื่นคำให้การและไกล่เกลี่ยในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568 เวลา 09.00 น. ผู้ร้องจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดพะเยา หรือ หน่วยงานประจำจังหวัดพะเยา ทันทีที่ได้รับเรื่อง ทีมงานศูนย์ฯ นำโดย นางสาวปราณปริยา วิเชียรกันทา (เจ้าหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน), นายนิธิศ พรมมา (อาสาสมัคร มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม) และ ทนายสงกรานต์ สาระกิจ (ทนายที่ปรึกษา) ได้เข้ามาให้การช่วยเหลือ เพื่อคลี่คลายปัญหาที่ผู้ร้องต้องเผชิญและตรวจสอบข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบเอกสารหลักฐานอย่างละเอียด ทีมงานพบประเด็นสำคัญหลายอย่าง ดังนี้
- หลักฐานชิ้นสำคัญ ใบยืนยันการรับรถยนต์คืน เอกสารลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ที่ระบุข้อความชัดเจนว่า ไม่เรียกร้องค่าส่วนต่างหรือค่าขาดประโยชน์ใด ๆ นี่คือสัญญาที่แสดงเจตนาว่าหนี้ได้ระงับสิ้นไปแล้ว และเป็นหลักฐานสำคัญที่สุดที่ผูกมัดคู่สัญญาเดิม
- ข้อพิรุธในคำฟ้อง ทีมทนายพบว่าคำฟ้องของโจทก์มีข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงหลายจุด เช่น วันที่รับรถคืน และที่สำคัญคือการกล่าวอ้างถึงพยานบุคคลที่เป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งที่ในสัญญาจริงนายนพไม่ได้มีผู้ค้ำประกันใด ๆ
- โจทก์ไม่ใช่คู่สัญญาเดิม โจทก์เป็นเพียงบริษัทที่ประมูลหนี้มา ไม่ใช่ธนาคารผู้ให้เช่าซื้อโดยตรง ทำให้สถานะทางกฎหมายและความชอบธรรมในการเรียกร้องต้องถูกตรวจสอบ
เมื่อถึงวันนัดพิจารณาคดี วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ณ ศาลจังหวัดพะเยา ทีมทนายความจากศูนย์คุ้มครองสิทธิฯ ได้ยื่นคำให้การต่อสู้พร้อมพยานหลักฐาน ผลปรากฏว่า ภายหลังการไกล่เกลี่ยและพิจารณาหลักฐาน ฝ่ายโจทก์จำนนต่อหลักฐานและข้อเท็จจริง จึงยื่นคำร้องขอ “ถอนฟ้อง” ศาลจังหวัดพะเยาจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องและจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ทำให้นายนพ ไม่ต้องรับผิดชำระเงินจำนวนกว่า 300,000 บาท (ยอดฟ้องสุทธิหลังไกล่เกลี่ย)
คดีนี้ไม่ใช่เพียงชัยชนะของนายนพเพียงคนเดียว แต่เป็นชัยชนะของมาตรฐานการคุ้มครองผู้บริโภคไทย และเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเข้มแข็งของ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดพะเยา ที่ทำงานเชิงรุก ใส่ใจในรายละเอียด และไม่เพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของผู้บริโภค ทำให้เห็นว่า “ความยุติธรรม” สามารถเข้าถึงได้ หากเรามีข้อมูลที่ถูกต้องและมีหน่วยงานที่พร้อมยืนเคียงข้าง

3 ข้อที่ผู้บริโภคต้องรู้ก่อนคืนรถเช่าซื้อ
1. คืนรถต้องมีหลักฐาน
การคืนรถต้องทำเป็นเอกสารที่ชัดเจน โดยควรระบุเงื่อนไขเกี่ยวกับการเรียกหรือไม่เรียกค่าส่วนต่างหลังการขายทอดตลาดให้ครบถ้วน เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นหลักฐานยืนยันถึงการส่งมอบรถอย่างสมบูรณ์
2. เก็บเอกสารไว้อย่างดี
สำเนาเอกสารการคืนรถ สัญญาเช่าซื้อ และใบเสร็จค่างวดสุดท้ายเป็นหลักฐานสำคัญ ควรเก็บไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี เพราะหากเกิดข้อพิพาทหรือมีการฟ้องร้อง เอกสารเหล่านี้จะเป็นหลักฐานที่ช่วยปกป้องสิทธิของผู้บริโภคได้อย่างมาก
3. อย่ากลัวหมายศาล
หากได้รับหมายศาล ห้ามเพิกเฉยหรือหลีกเลี่ยงการเข้าพบศาลเด็ดขาด ให้รีบนำเอกสารที่มีไปปรึกษาศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคประจำจังหวัด หรือสภาองค์กรของผู้บริโภคทันที เพื่อรับคำแนะนำและเตรียมตัวเข้าสู้คดีอย่างถูกต้อง
- ติดตามข่าวสารผู้บริโภคจังหวัดพะเยาได้ที่ ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จังหวัดพะเยา
- ที่ตั้ง เลขที่ 91 ม.2 ต.สันป่าม่วง อ.เมือง จ.พะเยา 56000
- ปรึกษาปัญหาผู้บริโภคหรือร้องเรียน โทร. 084-804-6444
ข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเรื่องรถยนต์ :
แนะ เลี่ยงฝากขายรถผ่านอู่ ป้องกันถูกโกง
“เนต้า” ไม่ส่งตัวแทน คดีกลุ่ม ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ พิจารณาใหม่ 15 ธ.ค.



