Getting your Trinity Audio player ready... |

ศาลปกครองรับคำฟ้องสภาผู้บริโภค ปมเพิกถอนประกาศฯ ประมูลคลื่น กสทช. แม้ไม่เข้าเงื่อนไขไต่สวนฉุกเฉิน แต่เปิดทางพิจารณาคุ้มครองชั่วคราว ย้ำคดีนี้กระทบประโยชน์ชาติ – ผู้บริโภค – ผู้ประกอบการ
หลังจากสภาผู้บริโภคยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศของ กสทช. และสำนักงาน กสทช. ที่กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการประมูลคลื่นความถี่ของคลื่น 2100 และ 2300 MHz ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ทั้งในด้านขั้นตอน วิธีการ เงื่อนไข และการไม่สะท้อนโครงสร้างตลาดโทรคมนาคมที่แท้จริง ที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการหลักเพียงสองรายโดยไม่มีมาตรการป้องกันการผูกขาดนั้น
ล่าสุด วันนี้ (28 พฤษภาคม 2568) อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ศาลปกครองกลางมีคำสั่งรับคำฟ้องของสภาผู้บริโภคไว้พิจารณา และจะมีการพิจารณาเกี่ยวกับวิธีการคุ้มครองชั่วคราวต่อไป แม้ศาลจะพิจารณาแล้วว่ายังไม่มีเหตุเร่งด่วนเพียงพอที่จะเปิดการไต่สวนฉุกเฉินในขณะนี้ก็ตาม
ทั้งนี้ การที่สภาผู้บริโภคยื่นคำร้องต่อศาลด้วยความเร่งด่วน เนื่องจากวันที่ 29 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันเปิดยื่นคำขอเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่จากผู้ประกอบการ ซึ่งหากไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวจากศาล อาจส่งผลเสียต่อทั้งผู้บริโภค ประเทศชาติ และผู้ประกอบการเอง เนื่องจากการประมูลภายใต้หลักเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการผูกขาดทางตลาดอย่างถาวร ส่งผลให้ผู้บริโภคเผชิญกับบริการที่ไม่มีทางเลือก ค่าบริการอาจสูงขึ้นสวนทางกับคุณภาพ ขณะที่รัฐสูญเสียรายได้จากราคาประมูลที่ต่ำเกินจริง ผู้ประกอบการที่เตรียมเข้าร่วมประมูลอาจเสียเวลาและต้นทุนโดยไม่จำเป็น รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่ขาดโอกาสเข้าสู่ตลาดอย่างเป็นธรรม ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงได้ขอความเมตตาจากศาลให้เปิดเวทีไต่สวนและหาทางไกล่เกลี่ยกับ กสทช. โดยย้ำว่าศาลปกครองคือที่พึ่งสุดท้ายในการปกป้องผลประโยชน์สาธารณะในกิจการโทรคมนาคม
ด้าน สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการนโยบาย สภาผู้บริโภค และอดีตกรรมการ กสทช. กล่าวแสดงความขอบคุณศาลปกครองที่รับคดีไว้พิจารณา และเปิดโอกาสให้มีการพิจารณาคำร้องขอทุเลาการบังคับ แม้จะยังไม่ใช่กรณีเร่งด่วน โดยหวังว่าก่อนการประมูลที่กำหนดในวันที่ 29 มิถุนายนนี้ ศาลจะมีโอกาสได้ไต่สวนกับ กสทช. อย่างเป็นทางการ เพื่อเปิดทางให้เกิดการทบทวนหรือปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้รอบด้านยิ่งขึ้น
“การฟ้องครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะหน่วยงานรัฐ และ กสทช. เพิกเฉยต่อเสียงของผู้บริโภค ทั้งที่ได้ยื่นหนังสือและข้อเรียกร้องมาหลายครั้ง สภาผู้บริโภคจึงต้องใช้ช่องทางศาลเพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นในระบบโทรคมนาคม พร้อมฝากความหวังไว้กับศาลในการหาทางออกร่วมกัน” สุภิญญา ระบุ
ขณะที่ อ.ดร.วศิน พิพัฒนฉัตร ทนายความอาสาฝ่ายคดีปกครองของสภาผู้บริโภค เปรียบเทียบการปล่อยให้การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้เดินหน้าไปโดยไม่แก้ไขหลักเกณฑ์ที่ไม่เหมาะสม ว่าเหมือนกับการปล่อยให้ไฟไหม้บ้านตัวเองทั้งหลัง ทั้งที่รู้ว่าไฟเริ่มลุกแล้ว ดังนั้นการฟ้องศาลจึงเป็นการพยายามดับไฟก่อนความเสียหายจะลุกลามเกินควบคุม
อ.ดร.วศิน ย้ำว่า หากไม่มีการเพิกถอนหรือแก้ไขประกาศทั้งสองฉบับของ กสทช. ได้แก่ ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลฯ และ ประกาศสำนักงาน กสทช. เรื่อง การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมฯ ลงวันที่ 29 เมษายน 2568 เฉพาะในส่วนของ MHz 2100 MHz และ 2300 MHz อาจทำให้มีการประมูลคลื่นในราคาต่ำกว่าที่รัฐเคยได้รับ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศ และเปิดช่องให้กลุ่มทุนผูกขาดตลาดโทรคมนาคม ซึ่งจะส่งผลระยะยาวต่อผู้บริโภค ทั้งในด้านราคาค่าบริการ และคุณภาพของบริการที่ไม่มีการแข่งขันมากพอ
อย่างไรก็ตาม แม้วันนี้ศาลปกครองจะยังไม่เปิดไต่สวนฉุกเฉิน แต่ด้วยการรับคำฟ้องและพิจารณาคำขอทุเลาการบังคับใช้ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ซึ่งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้บริโภคที่เป็นผู้ใช้งานโทรคมนาคม ควรติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะผลของคดีนี้อาจกำหนดทิศทางโครงสร้างตลาดและสิทธิของผู้บริโภคในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง