
เปิดภัยมิจฉาชีพหลอกส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง ความเสี่ยงของข้อมูลของผู้บริโภคที่รั่วไหล ที่ถูกขายเพียง 1 บาท สะท้อนช่องโหว่ของด้านความปลอดภัยข้อมูล ปล่อยให้ขบวนการหลอกลวงดำเนินการเกือบหนึ่งปี สัญญาณต้องคุมเข้มข้อมูลส่วนบุคคล
จากกรณีที่มีการจับกุมแม่ค้าออนไลน์ หลอกขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพและเก็บเงินปลายทาง โดยได้รายชื่อของผู้บริโภคมาจากการซื้อผ่านบริษัทขนส่งด้วยการซื้อชื่อในราคา 1 บาท 1 รายชื่อ แสดงถึงความเสี่ยงของผู้บริโภคที่ถูกเผชิญจากขบวนการซื้อขายข้อมูลส่วนบุคคล และการหลอกลวงด้วยวิธีเก็บพัสดุเก็บเงินปลายทางที่ผู้รับไม่ได้รับสั่งสินค้า ซึ่งวิธีการหลอกลวงรูปแบบนี้มิจฉาชีพได้ใช้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นผู้บริโภคจึงต้องระมัดระวังและตรวจสอบ รวมถึงอย่าหลงเชื่อกับพัสดุที่ไม่ได้ระบุชื่อ
วิธีหลอกลวงของมิจฉาชีพ
สำหรับวิธีการหลอกลวงของของแม่ค้าออนไลน์รายนี้ ได้อ้างว่าซื้อรายชื่อผู้รับจากบุคลากรหรือเครือข่ายในบริษัทขนส่ง ราคาข้อมูลเพียง 1 บาทต่อรายชื่อ ต่อมาได้นำข้อมูลชื่อและที่อยู่มาติดกล่องพัสดุ พร้อมบรรจุของราคาถูกที่ซื้อมาจำนวนมากในราคาต่ำ การจัดส่งแบบเก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery: COD) แต่หากผู้รับไม่รับสินค้า พัสดุตีกลับมาโกดังจะใช้การแกะสินค้า จึงได้มีการแพ็กใหม่และส่งต่อให้เหยื่อรายอื่น ส่งผลให้สามารถหลอกลวงสร้างรายได้ต่อเดือนได้สูงเกือบแสนบาทต่อวัน
จากปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคสะท้อนว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกนำไปใช้หลอกลวงและมีความเสี่ยงที่ข้อมูลอาจนำไปใช้ได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มิจฉาชีพใช้การหลอกลวงมายาวนานเกือบ 1 ปีก่อนถูกจับกุม และสร้างความเสียหายให้แก่ผู้บริโภคที่ไม่เคยสั่งซื้อสินค้ามาก่อน
ความเสี่ยงของผู้บริโภค ทั้งข้อมูลส่วนบุคคลและสูญเสียเงิน
ผลกระทบต่อผู้บริโภคเผชิญความเสี่ยงใน 2 ด้านที่สำคัญ ทั้งการดึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้ยินยอม เนื่องจากเมื่อผู้บริโภคลงทะเบียนกับแพลตฟอร์มต่างๆ ไว้ จึงต้องใส่รายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลไว้ ทั้งชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ไว้ทั้งหมด แต่การที่มิจฉาชีพนำข้อมูลเหล่ามานี้ได้ถือว่ามีช่องว่างของระบบ และยังขัดต่อกฎหมาย พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) มาตรา 23, 24 และ 27 ได้มีข้อกำหนดห้ามใช้ข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ยินยอม ห้ามส่งต่อข้อมูลแก่บุคคลอื่นโดยไม่แจ้งวัตถุประสงค์ ทำให้หน่วยงานที่กำกับข้อมูลต้องมีระบบป้องกันการรั่วไหลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น
ต่อมาความเสี่ยงถูกหลอกให้จ่ายเงินปลายทาง โดยหากผู้บริโภคไม่ได้อยู่บ้านและมีสมาชิกของครอบครัวอยู่รับสินค้าแทน จึงคิดว่าได้สั่งซื้อสินค้าไว้ล่วงหน้าและใช้การจ่ายเงินแบบปลายทาง (COD) ทำให้ผู้บริโภคต้องมีค่าใช้จ่ายจากสินค้าที่ไม่ได้สั่ง
นอกจากนี้ จากการซื้อข้อมูลของลูกค้าในราคาเพียง 1 บาทต่อรายชื่อ แสดงว่ามีช่องโหว่ของบริษัทขนส่งหรือพนักงานภายในอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ข้อมูลเกิดรั่วไหลและซื้อขายข้อมูลได้ ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลต้องตรวจสอบอย่างจริงจัง
วิธีการในแบบเดิมที่กลับมาหลอกใหม่
หากย้อนกลับไปในช่วงผ่านมา สภาผู้บริโภคได้เคยเรื่องร้องเรียนของผู้บริโภคในกรณีที่ใช้การหลอกแบบเดียวกันมาแล้ว แต่เปิดร้านออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ กับ “YEE NEWSHOP” ที่ผู้บริโภคได้รับพัสดุและใช้แนวทางเก็บเงินปลายทาง (COD) ทั้งที่ไม่เคยสั่ง ซึ่งสินค้าในกล่องเป็นของราคาถูกชนิดเดียวกับที่พบในโกดังภูเก็ต เช่น สบู่ ครีม เครื่องสำอาง เป็นนำเข้าที่วางสินค้าราคาถูกจำนวนมาก
รวมถึงสภาผู้บริโภคได้ตรวจสอบพบเพจปลอมหลอกขาย “เต้าหู้คลองแงะ–เต้าหู้เจ” โดยมีการโพสต์โฆษณาหลอกให้โอนเงินล่วงหน้าแล้วไม่จัดส่งสินค้าให้ผู้บริโภคเช่นกัน ทำให้ผู้บริโภคเผชิญปัญหาในการสูญเสียเงินตามมา
สัญญาณเตือนของพัสดุหลอกลวง
ทั้งนี้จากกการรายงานของตำรวจไซเบอร์ระบุว่าพัสดุที่มีลักษณะน่าสงสัยมักมีรูปแบบคล้ายกันคือ พัสดุที่มาถึงทั้งที่ไม่มีใครจำได้ว่าเคยสั่ง ชื่อผู้ส่งไม่น่าเชื่อถือหรือเป็นบุคคลทั่วไป ร้านค้าที่ไม่ปรากฏประวัติในออนไลน์ รวมถึงการเรียกเก็บเงินปลายทางในขณะที่ผู้รับไม่คาดว่าจะต้องจ่าย เมื่อเปิดกล่องแล้วพบว่าของข้างในไม่ตรงกับที่คาดหวัง หรือมีคุณภาพต่ำกว่าปกติ ถือเป็นสัญญาณว่าผู้บริโภคอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ
วิธีป้องกันตัวเองเมื่อเจอพัสดุน่าสงสัย
แนวทางของผู้บริโภคควรปฏิเสธพัสดุในทุกกรณีที่มั่นใจว่าไม่ได้สั่งสินค้า ไม่จำเป็นต้องเกรงใจบริษัทขนส่ง ก่อนจ่ายเงินปลายทางควรตรวจสอบชื่อร้านค้าหรือผู้ขาย โดยเฉพาะในกรณีร้านที่เคยมีประวัติร้องเรียน รวมถึงควรเปิดตรวจพัสดุต่อหน้าพนักงานเพื่อลดโอกาสถูกหลอกลวง
นอกจากนี้ควรระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนบุคคลบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อพบความผิดปกติควรเก็บหลักฐานทั้งหมด เช่น ภาพกล่อง ชื่อผู้ส่ง เลขพัสดุ และหลักฐานการชำระเงิน เพื่อใช้ประกอบการแจ้งความ
สิทธิของผู้บริโภคในการขอคืนเงิน
อีกทั้งผู้บริโภคมีสิทธิที่จะปฏิเสธการรับพัสดุแบบเก็บเงินปลายทางโดยไม่ต้องชำระเงินได้เช่นกัน เนื่องจากมาตรการส่งดี (Dee – Delivery) ช่วยให้การสั่งของแบบเก็บเงินปลายทางปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากผู้ให้บริการขนส่งต้องระบุรายละเอียดทั้ง ผู้สั่ง และ ผู้ส่งสินค้า รวมถึงเลขติดตามพัสดุลงในหลักฐานการรับเงิน สำหรับผู้บริโภคสามารถเปิดกล่องต่อหน้าพนักงานส่งของ ซึ่งหากเกิดกรณี สินค้าข้างในไม่ตรงปก เกิดความชำรุดบกพร่อง ไม่ได้สั่งซื้อแต่มีสินค้าไปส่งและเรียกเก็บเงิน ไม่ได้รับสินค้า และสินค้าสูญหาย ผู้บริโภคสามารถขอเงินคืนได้ภายใน 5 วัน และจะได้เงินคืนภายใน 15 วันหลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเรื่องให้ธุรกิจการให้บริการขนส่งสินค้าโดยเรียกเก็บเงินปลายทางเป็นธุรกิจที่ควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน พ.ศ.2567
ทั้งหมดจากภัยจากมิจฉาชีพที่ใช้ช่องว่างของระบบมาหลอกลวงผู้บริโภค จำเป็นต้องมีมาตรการป้องกันที่มีความเข้มงวดขึ้น ทั้งการตรวจสอบเส้นทางข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทขนส่ง การบังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์เปิดเผยข้อมูลผู้ขายตัวจริง พร้อมการบังคับใช้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ที่ซื้อหรือขายข้อมูลอย่างเข้มงวด เพื่อปิดช่องว่างไม่ให้มิจฉาชีพใช้ข้อมูลผู้บริโภคหลอกลวงได้อีกต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์นี้กลับมาสร้างความเสียหายให้ผู้บริโภคอีกในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตือนภัย! ไม่ได้สั่งพัสดุ แต่อยู่ๆ มีของมาส่ง เก็บเงินปลายทาง ห้ามรับ ห้ามจ่าย ให้ปฏิเสธการรับทันที เพราะนั่นคือ มิจฉาชีพ
ทลายโกดัง จับสาวแสบหลอกส่งพัสดุ เก็บเงินปลายทาง ซื้อรายชื่อลูกค้ามาจากบริษัทขนส่งเอกชน



