ร้องโดนเรียกเก็บค่า ยานอกบัญชี ทั้งที่เป็นยาหมอสั่ง

ร้องโดนเรียกเก็บค่า ยานอกบัญชี ทั้งที่เป็นยาหมอสั่ง
“สภาผู้บริโภคเหมือนให้แสงสว่างกับเรา เพราะตาพี่มันเสียไปแล้วข้างหนึ่ง ถ้าไม่ได้รักษา ก็คงมืดสนิททั้งสองข้างแล้ว ขอบคุณสภาผู้บริโภคเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ตาพี่อีกข้างได้มองเห็นต่อไป” เสียงสะท้อนจากพี่ศิ หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากสภาผู้บริโภค

พี่ศิ (นามสมมุติ) ผู้หญิงวัยกลางคนที่ต้องนั่งรถเข็นเพราะขาทั้งสองข้างอ่อนแรง และต้องสูญเสียดวงตาข้างขวาไปเพราะโรค NMO (Neuromyelitis Optica) หรือโรคเส้นประสาทตาและไขสันหลังอักเสบ ซึ่งเป็นคนไข้ในระบบสิทธิบัตรทอง เธอต้องกินยากดภูมิคุ้มกันชื่อ IMMUCEPT ซึ่งเป็นยากดภูมิคุ้มกันเป็นประจำเพื่อควบคุมโรคไม่ให้ลุกลาม แต่จู่ ๆ ก็มีการเรียกเก็บเงินค่ายาตัวนี้จากทางสังคมสงเคราะห์ ทั้งที่เธอไม่เคยต้องจ่ายมาก่อน

แม้ว่าตัวเธอเองจะแจ้งความจำเป็นในการใช้ยากับแพทย์ที่รักษา แต่ห้องยากลับให้เธอไปทำเรื่องขออนุเคราะห์จากแผนกสังคมสงเคราะห์ และเธอก็ได้ประสานไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สปสช. เพื่อแจ้งการถูกเรียกเก็บเงิน ก็ได้รับแจ้งว่า หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาดังกล่าวไม่ต้องจ่าย แต่สุดท้ายสังคมสงเคราะห์ยังคงยืนยันให้จ่ายเงินค่ายา 3,800 บาท และให้เธอจ่ายเท่าที่มีก่อน

“วันนั้นพี่มีเงินแค่พันเดียว แต่ต้องยอมจ่ายหมด เพราะเขาบอกให้จ่ายเท่าที่มี มันเป็นเงินที่เยอะมากสำหรับพี่ ถึงคุณหมอจะเรียกเก็บ 3 เดือนครั้ง แต่ว่ารายได้แต่ละเดือนเรามีแค่เงินผู้พิการ และเราก็อยากนำเงินก้อนนี้เป็นค่าใช้จ่ายช่วยทางบ้านก็ยังดี ไม่อยากเป็นภาระคนในบ้าน” ซ้ำยังมีคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่พูดแทงใจว่า “คนที่ไม่มีเงินจริงคือพวกที่นอนข้างถนน” คำพูดนั้นทำให้จิตใจเธออ่อนล้าไปทั้งวัน

เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้ยา และไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ายา เธอจึงพยายามค้นหาว่ามีหน่วยงานไหนพอจะช่วยเหลือเธอได้บ้าง จึงได้มาพบกับสภาผู้บริโภค ด้วยความหวังสุดท้าย พี่ศิตัดสินใจเขียนจดหมายเข้ามาเพื่อร้องเรียนปัญหาที่เกิดขึ้น

หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่สภาผู้บริโภคได้ประสานงานกับ สปสช. ขณะเดียวกันได้ประสานทไปทางโรงพยาบาล และได้คำแนะนำให้ผู้ร้องเรียนดำเนินการขอเงินค่า ยานอกบัญชี คืน และยื่นเรื่องใช้สิทธิเบิกยาที่จำเป็นตามสิทธิหลักประกันสุขภาพ รวมถึงแจ้งปัญหาเรื่องการให้บริการของนักสังคมสงเคราะห์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งทางโรงพยาบาลรับเรื่องและจะส่งต่อให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องพิจารณา

ต่อมา สปสช. แจ้งผลว่าทางโรงพยาบาลอยู่ระหว่างดำเนินการคืนเงินจำนวน 1,000 บาท และยกเลิกการเรียกเก็บเงินส่วนที่เหลือ พร้อมแนะนำให้แพทย์ระบุว่ายาเป็น ยาจำเป็นเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต และแพทย์ได้ยืนยันว่าโรคที่เป็นตรงตามเงื่อนไขหลักประกันสุขภาพ ทำให้โรงพยาบาลยกเลิกการเรียกเก็บค่ายาตลอดการรักษา

“หลังจากที่เขียนจดหมายร้องเรียนไป และมีเจ้าหน้ารับเรื่องร้องเรียนให้คำแนะนำ พี่ดีใจมากที่ได้รับความช่วยเหลือ ทำให้มีกําลังใจขึ้นเยอะ จนเรื่องยุติ พี่ไม่ต้องจ่ายเงินค่ายา และทำให้พี่ได้รักษาต่อ พี่ขอบคุณสภาผู้บริโภคมาก ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่”

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยและมีความเห็นว่า ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาที่อยู่นอกบัญชี เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการรักษานั้น โรงพยาบาลจะไม่มีสิทธิเรียกเก็บจากผู้ป่วย เพราะเป็นไปตามวินิจฉัยและการรักษาจากแพทย์โดยตรง ยกเว้นผู้ป่วยแจ้งว่าต้องการได้รับยาตัวนั้น จะเป็นภาระที่ผู้ป่วยต้องรับเอง

หากผู้บริโภคพบเจอปัญหาถูกเรียกเก็บเงินค่า ยานอกบัญชี โดยไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือร้องเรียนมาที่ สภาผู้บริโภค โทร 1502 หรือช่องทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 20 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง