
‘ทุกวิกฤติ’ ตั้งแต่แผ่นดินไหวรุนแรง น้ำท่วมใหญ่ ชายแดนตึงเครียด ไปจนถึงเหตุรุนแรงกลางเมือง ทำให้เกิดคำถาม เซลล์บรอดคาสต์ (Cell Broadcast) ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน ของประเทศไทยมีความพร้อมหรือยัง เหตุใดประชาชนบางพื้นที่ไม่ได้รับอย่างทั่วถึง
ในอดีต เมื่อเกิดวิกฤติแทบทุกวิกฤติในประเทศไทย จะได้มีการหยิบยกระบบการแจ้งเตือนภัยและการให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ประชาชน ด้วยการจัดทำระบบ “เซลล์บรอดคาสต์” (Cell Broadcast) หรือ CB คือ “ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” ที่มีวิธีการส่งข้อความไปถึงหน้าจอโทรศัพท์มือถือของทุกคน อยู่ในรูปแบบเสียงสัญญาณที่มีความดังยาวประมาณ 8 วินาทีและมีข้อความบนหน้าจอ ร่วมแจ้งเหตุฉุกเฉินแบบพิเศษมุ่งเจาะจงพื้นที่ประสบเหตุการณ์ วิกฤติล่าสุดคือแผ่นดินไหวในกรุงเทพเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่นายกรัฐมนตรีได้ลุกขึ้นมาไล่บี้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องให้ทำระบบนี้ให้สำเร็จและมีประสิทธิภาพ
แต่ผ่านไปแล้ว 5 เดือนกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ก็ได้เกิดวิกฤติใหม่ที่เป็นการสู้รบบริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ประชาชนในแถบจุดสู้รบ รวมพื้นที่ 7 จังหวัด ประกอบด้วย ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว จันทบุรี และ จ.ตราด นั้นระส่ำระสายหนีภัยสงครามอย่างไม่รู้ทิศทาง แม้จะมีอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือไว้รับสัญญาณเตือนภัยฉุกเฉินติดตัว แต่ไม่เคยมีเสียงเตือนภัยเข้ามาแม้แต่ครั้งเดียว
คำถามของประชาชนชายแดนวันนี้คือ “เกิดอะไรขึ้นกับระบบเตือนภัย ที่เงียบกริบ”
มีนา ดวงราศี หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดสุรินทร์ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ประชาชนที่ประสบเหตุการณ์ในจังหวัดสุรินทร์ไม่ได้รับสัญญาณข้อความแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินผ่านระบบนี้ โดยรับทราบข่าวสารผ่านการรายงานของสื่อมวลชนและช่องทางออนไลน์เท่านั้น
ทั้งนี้ หากมีการแจ้งเตือนผ่าน ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน อย่างทันท่วงทีและเป็นข้อมูลที่ชัดเจน ถูกต้อง จะร่วมทำให้คนในพื้นที่เข้าใจสถานการณ์และระมัดระวังตัวได้มากขึ้น สร้างความเข้าใจที่ตรงกัน
“ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ชายแดนมาจนถึงปัจจุบัน ช่องทางหลักที่ประชาชนติดตามจะผ่านช่องทางการรายงานข่าวและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการให้ข้อมูลของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อแจ้งเตือนในด้านต่าง ๆ” ระบุ
อย่างไรก็ตามเมื่อประเมินสถานการณ์ของจังหวัดสุรินทร์ได้มีการจัดทำศูนย์พักพิงให้แก่ประชาชนจำนวนหลายแห่ง โดยทำเลศูนย์หลักมีการจัดสิ่งของให้แก่ผู้เข้ามาพักอย่างเพียงพอ แต่ศูนย์พักพิงแห่งอื่น ๆ ที่อยู่รอบนอก อาจมีการขาดสิ่งของบางอย่างและไม่เพียงพออยู่บ้าง ดังนั้น ความช่วยเหลือจึงควรกระจายไปในพื้นที่ต่าง ๆ อย่างทั่วถึง
ไทม์ไลน์เหตุการณ์ แผ่นดินไหว-น้ำท่วม-ชายแดน-อ.ต.ก. ระบบไม่ครอบคลุม
หากย้อนกลับไปหลายเหตุการณ์วิกฤตของประเทศไทย ต่างยังไม่มีการใช้งาน “ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” ให้แก่ภาคประชาชน ไล่เลียงตั้งแต่เหตุการณ์ใหญ่แผ่นดินใหญ่จากประเทศเมียนมา ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ได้ส่งผลกระทบต่อใหญ่ต่อประชาชนทำให้มีสอบถามถึงระบบ “แจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” โดยเฉพาะจากหน่วยงานหลักคือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.)
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม มีหลายเรื่องที่เกิดวิกฤติ ตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดน่านที่มีอุทกภัยครั้งรุนแรงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 100 ปี ส่งผลกระทบต่อประชาชน แม้จะมีการส่งข้อความแจ้งเตือนให้แก่ประชาชนผ่าน ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน แต่มีเสียงสะท้อนออกมาจาก สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในเรื่องนี้ว่า ประชาชนในบางแห่งไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่านระบบ และยังไม่ทราบสาเหตุว่าเกิดมาจากด้านใด
ตามมาด้วยเหตุการณ์ข้อพิพาทระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ชายแดนได้รับผลกระทบโดยตรง และประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ก็ไม่ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน เช่นกัน รวมถึงวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 มีเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายใจกลาง กทม. ที่มีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุรุนแรงใช้อาวุธปืนในพื้นที่ขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) แต่ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงไม่ได้รับการแจ้งเตือนเหตุร้าย โดยรับทราบข้อมูลจากข่าวที่มีการรายงานสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น
ความคืบหน้าโครงการ ระบบแจ้งเตือนภัย
แนวคิดการผลักดันโครงการของประเทศไทย “ระบบแจ้งเตือนภัย” ได้มีการผลักดันมาหลายปีแล้ว ซึ่งมีการร่วมตอกย้ำอีกครั้งจากการมีเหตุความรุนแรงกราดยิงในศูนย์การค้าใจกลางเมืองตั้งแต่ช่วงปี 2566 ทำให้ภาครัฐบาลได้เร่งผลักดันโครงการผ่านหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องขับเคลื่อนระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) สำนักงาน กสทช. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และภาคเอกชนที่เป็นค่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือต่าง ๆ ร่วมมือแจ้งเตือนภัยฉุกเฉินแก่ภาคประชาชน
สำหรับหน่วยงานหลักในการสนับสนุนงบประมาณมาจาก กสทช. ที่ได้วางงบผลักดันโครงการนี้ จำนวน 3 ปี มูลค่าประมาณ 1,030 ล้านบาท โดย กสทช. ได้ให้ข้อมูลที่ระบบที่ล่าช้ามาจากการเชื่อมต่อระบบกัน ส่วนผู้ที่จัดทำระบบจัดหาผู้ดำเนินการ และผู้กำหนดข้อความ คือ ปภ.
ทั้งนี้ ภาครัฐได้มีได้มีการทดลองระบบอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา จำนวน 3 ครั้ง ครอบคลุมหลายพื้นที่ พร้อมได้ประกาศช่วงเวลาในการใช้ ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน อย่างเต็มรูปแบบในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ แต่เมื่อถึงเดือนนี้ระบบยังไม่มีความคืบหน้าตามที่คาดไว้
ทั่วโลกต่างเลือกใช้ แจ้งเหตุร่วมช่วยชีวิต
หากไปทำความรู้จักกับ “ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” มีวิธีการทำงานที่ส่งให้แก่ทุกคนได้รับทั้งหมดแบบไม่เลือกเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ โดยแนวทางการส่งสัญญาณได้ผ่านโครงข่ายสัญญาณในพื้นที่ จึงส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในรัศมีได้รับการแจ้งเตือนภัยได้พร้อมกันจำนวนมาก แตกต่างจากการส่งผ่านสัญญาณข้อความ (SMS) ที่มีข้อจำกัดในหลายด้าน และยังไม่สามารถรองรับการส่งในปริมาณสูงได้
เหตุการณ์ฉุกเฉินที่จะมีการแจ้งเตือนมีความครอบคลุมทั้งเรื่องภัยพิบัติ เหตุฉุกเฉิน และเหตุร้ายต่างๆ โดยเมื่อไปสำรวจประเทศต่าง ๆ ในโลกต่างมีการใช้งาน “ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” ทั้งประเทศญี่ปุ่นที่ประสบกับภัยพิบัติบ่อยครั้ง จึงพัฒนาแจ้งเตือนต่อประชาชนและช่วยให้สามารถอพยพได้อย่างทันท่วงทีร่วมลดความสูญเสียที่เกิดขึ้น รวมถึงสหภาพยุโรป มีการใช้ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน และมีการใช้งานครอบคลุมประมาณ 45 ประเทศแล้ว
จากเสียงสะท้อนทั้งหมดของภาคประชาชนกับ “ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน” มีความพร้อมในระดับใด และทำไมประชาชนบางส่วนยังไม่สามารถได้รับสัญญาณการแจ้งเตือนภัยในครั้งนี้ ทั้งที่ ระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน เป็นการแจ้งเตือนภัยขั้นพื้นฐานที่ทุกคนมีสิทธิ์ได้รับอย่างเท่าเทียม ทั้งกลุ่มคนไทยและกลุ่มชาวต่างชาติที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัย เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ได้รับข้อมูลทุกอย่างด้วยความรวดเร็วมากที่สุด
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภค ได้ออกมาเร่งรัดให้รัฐบาลไทย จัดทำระบบการแจ้งเตือนภัย ในกรณีที่เกิดเหตุด่วน เหตุร้าย หรือเหตุฉุกเฉิน ภัยพิบัติรุนแรง มาตลอด ไปจนถึงการส่งหนังสือในเดือนธันวาคม 2567 กระทรวงมหาดไทย เร่งรัดทำระบบแจ้งเตือนภัยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อร่วมลดความรุนแรงและความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติ และเหตุการณ์รุนแรงต่าง ๆ ได้อีกทาง พร้อมมุ่งหวังให้เสียงเตือนภัยฉุกเฉินต้องถึงมือทุกคน แต่ไม่ใช่แค่บางคนเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- อย่ารอน้ำท่วมรอบใหม่ เร่ง มหาดไทยแจ้งเกิด ‘ระบบแจ้งเตือนสาธารณภัย’
- ต้องเกิดเหตุฉุกเฉินอีกกี่ครั้ง ไทยถึงจะมี ‘ระบบแจ้งเตือนสาธารณภัย’
- น้ำท่วมมาบ่อย ภัยธรรมชาติมาเร็ว ถึงเวลาประเทศไทยต้องเอาจริงเรื่องระบบเตือนภัยพิบัติ
- สภาผู้บริโภค ทวงถาม ‘ระบบเตือนภัยพื้นที่เสี่ยง’ ชี้ แจ้งผ่านแอปฯ ไลน์ ยังไม่พอ
- “Thai alert คืออะไร ทำไมประเทศไทยต้องมี”
- ถึงเวลาแล้ว ที่ไทยต้องมีระบบการแจ้งเตือนภัย “Thai alert”