
แนะผู้บริโภคใช้ “สิทธิคนละครึ่งพลัส” ต้องตรวจสอบป้ายราคาสินค้าให้ครบ เตือนร้านค้าอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา โทษปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือจำคุกถึง 7 ปี พบปัญหาเร่งแจ้งกรมการค้าภายใน สายด่วน 1569 และสภาผู้บริโภค 1502 ได้ทันที
หลังจากโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เริ่มดีเดย์ใช้สิทธิวันแรกไปเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา สภาผู้บริโภค พบว่ามีผู้บริโภคจำนวนมากสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะกรณี ร้านค้าปิดป้ายราคาสองมาตรฐาน เช่น “เงินสด 159 บาท คนละครึ่ง 169 บาท” หรือเรียกเก็บราคาสินค้าสูงกว่าปกติเมื่อผู้บริโภคเลือกใช้สิทธิโครงการฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดเป้าหมายของโครงการและอาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย รวมถึงพบพฤติกรรมรับแลกเงินสดแทนการใช้สิทธิ ซึ่งถือเป็นการฝ่าฝืนเงื่อนไขของโครงการโดยตรง
สภาผู้บริโภคแนะนำให้ผู้บริโภคและร้านค้าตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรมทุกครั้ง เนื่องจากจากโครงการลักษณะเดียวกันในอดีตเคยพบปัญหาทางเทคนิค เช่น ยอดเงินโอนซ้ำ โอนผิดจำนวน หรือรายการไม่สำเร็จแต่ยอดเงินถูกหัก หากพบความผิดปกติ สามารถติดต่อ ศูนย์ช่วยเหลือธนาคารกรุงไทย โทร. 02-111-1111 หรือ ศูนย์โครงการคนละครึ่งพลัส โทร. 02-111-1122 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับการร้องเรียน สภาผู้บริโภคขอให้ผู้บริโภคระมัดระวังร้านค้าที่มีพฤติกรรมไม่เป็นธรรม เช่น ไม่แสดงป้ายราคา ปรับขึ้นราคาสินค้า หรือเรียกเก็บเงินเกินสิทธิ หากพบเห็นการกระทำดังกล่าวสามารถร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสภาผู้บริโภค หรือแจ้งสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร. 1569 ขณะเดียวกัน สคบ. ได้เปิดสายด่วนเฉพาะกิจเพื่อรับเรื่องร้องเรียนโครงการคนละครึ่งพลัสเพิ่มเติม และสามารถร้องเรียนออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ สคบ.
ทั้งนี้ ร้านค้าที่ฝ่าฝืนอาจถูกดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากไม่ปิดป้ายราคา มีโทษปรับสูงสุด 10,000 บาท และหากขายเกินราคาหรือเอาเปรียบผู้บริโภค มีโทษปรับสูงสุด 140,000 บาท หรือจำคุกถึง 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับการดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัส ภาครัฐบาลได้จัดทำขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคใช้จ่ายร่วมกับภาครัฐ โดยรัฐบาลร่วมจ่ายครึ่งหนึ่งของราคาสินค้า หากร้านค้าเรียกเก็บราคาสินค้าแตกต่างจากราคาปกติ ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคและผิดหลักเกณฑ์ของโครงการฯ ซึ่งในปัจจุบันมีเสียงเรียกร้องจากผู้บริโภคให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการตรวจสอบ
ส่วนขั้นตอนการใช้ สิทธิคนละครึ่งพลัส ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ผู้บริโภคสามารถทำได้ง่าย ๆ โดย 1. เข้าแอปฯ เป๋าตัง เลือกแบนเนอร์โครงการคนละครึ่งพลัส 2. กดปุ่ม “สแกนคิวอาร์โค้ด (QR Code)” เพื่อใช้สิทธิ 3. สแกนคิวอาร์โค้ดร้านค้าถุงเงิน 4. กดยืนยันการชำระเงิน 5. ใส่รหัส PIN เป๋าตัง 6 หลัก 6. บันทึกสลิปยืนยันการทำรายการสำเร็จ โดยผู้บริโภคสามารถใช้สิทธิร่วมจ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาทต่อคนต่อวัน หากใช้ไม่ครบในวันนั้น ระบบจะสะสมวงเงินไว้ และตำนวณสิทธิให้ใหม่ในเวลา 06.00 น. ของทุกวัน
นอกจากการใช้จ่ายผ่านร้านค้าทั่วไปแล้ว โครงการฯ ยังเปิดให้ใช้สิทธิร่วมจ่ายผ่าน 4 แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี (Food Delivery) ได้แก่ แกร็บฟู้ด (Grab Food), ไลน์แมน (LINE MAN), ช้อปปี้ฟู้ด (Shopee Food) และโรบินฮู้ด (Robinhood) โดยเริ่มใช้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ร่วมกับจี-วอลเล็ต (G-Wallet) ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ร่วมมือกับ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ไลน์แมน (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค โดยปิดระบบแก้ไขเมนูและราคาชั่วคราว ป้องกันร้านค้าฉวยโอกาสขึ้นราคา พร้อมขอให้แพลตฟอร์มจัดโปรโมชันส่วนลดเพิ่มเติมให้ผู้บริโภค เพื่อให้เกิดส่วนลด สองต่อจากทั้งโครงการและแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มจะไปทำโค้ดส่วนลดเอง รวมถึงมีการลดค่าธรรมเนียม (Gross Profit หรือ GP) ให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง



