
สภาผู้บริโภคย้ำร้านอาหารคิดราคาตามน้ำหนัก ต้องบอกวิธีคิดและราคาให้ชัด ย้ำไม่แจ้งล่วงหน้า เข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้บริโภค
ช่วงที่ผ่านมา มีกรณีร้องเรียนจากผู้บริโภคเกี่ยวกับการใช้บริการร้านอาหารหลายราย โดยพบว่าราคาที่ถูกเรียกเก็บไม่สอดคล้องกับข้อมูลที่ได้รับก่อนตัดสินใจซื้อ ทั้งกรณีไม่แสดงราคาบนเมนูอย่างชัดเจน และกรณีอาหารที่คิดราคาตามน้ำหนักหรือวัตถุดิบพิเศษ ล่าสุดคือกรณีผู้บริโภคโพสต์เรื่องราวไปใช้บริการในร้านอาหาร พร้อมสั่งเมนูกุ้งทอดเกลือ 5 ตัว ราคา 5,000 บาท แต่ร้านไม่ได้แจ้งรายละเอียดการคิดราคาให้ทราบล่วงหน้า ส่งผลให้ผู้บริโภครับรู้ราคาที่แท้จริงเมื่อถึงขั้นตอนชำระเงิน ปัญหาดังกล่าวสะท้อนความไม่โปร่งใสด้านการแสดงราคาสินค้าและบริการ พร้อมส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคมาโดยตลอด รวมถึงบางกรณีที่เป็นข่าวพบว่าหน่วยงานกำกับดูแลได้เข้าตรวจสอบและพบว่าร้านอาหารเข้าข่ายไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดเรื่องการแสดงราคาสินค้าและบริการอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมนูที่ไม่มีการระบุราคาชัดเจน จึงมีการเปรียบเทียบปรับเป็นเงิน 2,000 บาท พร้อมสั่งให้ปรับปรุงการแสดงเมนูและวิธีคิดราคา เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคและลดความสับสนในการใช้บริการ
คิดราคาเหมา vs คิดราคาตามน้ำหนัก ร้านต้องแจ้งให้ชัด
ทั้งนี้ในทางปฏิบัติ ร้านอาหารสามารถกำหนดราคาสินค้าได้ทั้งรูปแบบราคาคงที่ เช่น ราคาเหมา 80 หรือ 100 บาทต่อจาน และรูปแบบราคาที่คิดตามปริมาณหรือหน่วยน้ำหนักของวัตถุดิบ โดยเฉพาะเมนูประเภทอาหารทะเลหรือเนื้อสัตว์ เช่น กุ้ง ปลา หรือปู ซึ่งอาจมีการชั่งน้ำหนักเพื่อคำนวณราคาในขั้นตอนการปรุงอาหาร
แต่ร้านอาหารที่เลือกใช้การคิดราคาตามน้ำหนัก ร้านค้าจำเป็นต้องแจ้งรายละเอียดให้ผู้บริโภคทราบล่วงหน้าอย่างชัดเจน ทั้งวิธีการคิดราคา ราคาต่อหน่วย หน่วยน้ำหนัก และเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง ก่อนผู้บริโภคตัดสินใจสั่งอาหาร หากร้านไม่แจ้งข้อมูลให้ครบถ้วน ไม่ระบุราคาที่แน่นอน หรือไม่ชี้แจงวิธีคิดราคาอย่างชัดเจน ทำให้ผู้บริโภครับรู้ราคาที่แท้จริงเมื่อถึงขั้นตอนชำระเงิน ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่ไม่ครบถ้วน เข้าข่ายการละเมิดสิทธิผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค
สิทธิที่ผู้บริโภคต้องรู้
ผู้บริโภคมีสิทธิพื้นฐานที่กฎหมายให้การคุ้มครอง ได้แก่
1. สิทธิที่จะได้รับข่าวสารและคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
2. สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
3. สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
4. สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา
5. สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหายหากถูกละเมิดสิทธิ
สำหรับกรณีที่ร้านอาหารไม่แสดงราคาสินค้าอย่างชัดเจน หรือไม่แจ้งรายละเอียดการคิดราคาล่วงหน้า โดยเฉพาะเมนูที่คิดตามน้ำหนักหรือวัตถุดิบพิเศษ ถือว่าเข้าข่ายละเมิดสิทธิผู้บริโภคหลายประการ ทั้งสิทธิในการรับข้อมูลที่ครบถ้วน สิทธิในการเลือกอย่างอิสระ และสิทธิในการได้รับการเยียวยา หากถูกเรียกเก็บเงินเกินจริง ผู้บริโภคมีสิทธิเรียกร้องให้คืนเงินเต็มจำนวน หรือคืนเฉพาะส่วนต่างที่เกินมา เพื่อสร้างความเป็นธรรมในการซื้อขาย
วิธีใช้สิทธิเมื่อถูกคิดเงินเกินจริง
สิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรทำ คือการตรวจสอบใบเสร็จก่อนออกจากร้านทุกครั้ง หากพบความผิดพลาด สามารถดำเนินการได้ดังนี้
- ขอให้ร้านยกเลิกและคืนเงินเต็มจำนวน หรือคืนเงินเฉพาะส่วนต่างที่คิดเกิน
- แจ้งให้ร้านค้าปรับปรุงและติดป้ายราคาให้ถูกต้องตรงกับความจริง
- เก็บหลักฐาน เช่น ใบเสร็จหรือภาพถ่ายป้ายราคาที่เกี่ยวข้องไว้
หากร้านค้าไม่แก้ไขหรือไม่คืนความเป็นธรรม ผู้บริโภคสามารถร้องเรียนได้ที่ กรมการค้าภายใน โทร. 1569 ตลอด 24 ชั่วโมง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ หรือสภาผู้บริโภค โทร. 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ที่ https://complaint.tcc.or.th/complaint นอกจากนี้ กรมการค้าภายในยังมีมาตรการรางวัลนำจับสูงถึง 25 เท่าของค่าปรับ หากการร้องเรียนมีผลให้มีการดำเนินคดีจริงกับร้านค้าที่ทำผิด
บทลงโทษทางกฎหมาย
ร้านค้าที่แสดงราคาสินค้าไม่ตรงกับความจริง หรือไม่ติดป้ายราคาให้ชัดเจน อาจมีความผิดตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 43 พ.ศ. 2559 มีโทษปรับสูงสุดถึง 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 และผู้บริโภคยังมีสิทธิเรียกร้องเงินส่วนต่างได้ยาวนานถึง 10 ปี นับจากวันที่ซื้อสินค้า หากมีหลักฐานยืนยันครบถ้วน
บทเรียนและข้อเสนอเชิงระบบ
นอกจากประเด็นการแสดงราคาสินค้าแล้ว ปัจจุบันหน่วยงานกำกับดูแลได้ขยายการตรวจสอบไปยังร้านอาหารที่มีลักษณะการคิดราคาซับซ้อน โดยเฉพาะเมนูที่คิดราคาตามน้ำหนักหรือวัตถุดิบพิเศษ ซึ่งจำเป็นต้องชี้แจงวิธีการกำหนดราคาให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจนล่วงหน้า เพื่อยกระดับความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ และป้องกันการใช้ความคลุมเครือด้านราคาเป็นช่องทางเอาเปรียบผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม มาตรการด้านการตรวจสอบและกำกับดูแลควรขยายผลไปยังร้านอาหารทุกรายที่มีการจำหน่ายสินค้าในหลายระดับราคา หรือใช้การคิดราคาตามน้ำหนักเป็นหลัก เพื่อสร้างมาตรฐานการค้าใหม่ที่โปร่งใสและเป็นธรรมอย่างทั่วถึง
โสภณ หนูรัตน์ หัวหน้าฝ่ายคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิผู้บริโภค สภาผู้บริโภค กล่าวว่า การแสดงราคาอย่างโปร่งใสเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงของผู้ประกอบการ เพราะการไม่แสดงราคาที่แท้จริง นอกจากเข้าข่ายละเมิดกฎหมายแล้ว ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและสังคมในภาพรวม แต่เมื่อประเมินบทลงโทษในปัจจุบันอาจยังไม่สอดคล้องกับขนาดธุรกิจหรือรายได้ของร้านอาหารบางแห่ง ค่าปรับที่อยู่ในระดับต่ำอาจไม่เพียงพอในการป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ภาครัฐจึงควรพิจารณาทบทวนมาตรการลงโทษและกลไกกำกับดูแลให้มีน้ำหนักมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรยกระดับความรับผิดชอบต่อสังคม ผ่านการสื่อสารข้อมูลราคาอย่างชัดเจน โปร่งใส และครบถ้วน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจใช้บริการได้อย่างมั่นใจ
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



