Ribbon

97% ไม่เห็นด้วย ขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว

…..

…..

…..

…..

นี่เป็นเพียงความเห็นบางส่วนจากผลสำรวจความคิดเห็นต่อการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย บนเว็บไซต์สภาผู้บริโภค www.tcc.or.th ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม – 14 พฤศจิกายน 2568 โดยจากข้อมูลพบว่าผู้บริโภค ส่วนใหญ่ถึง 97.39% ไม่เห็นด้วยกับการปรับราคา สะท้อนปัญหาเรื่องภาระค่าครองชีพที่กำลังถาโถมต่อครัวเรือนในเมืองใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้รถไฟฟ้าในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ สภาผู้บริโภคได้เปิดให้ผู้ตอบแบบสอบถามร่วมแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมถึงเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยกับการขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียวอีกด้วย

4 เหตุผลสำคัญ ค้าน ขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว

สำหรับเหตุผลที่ผู้บริโภคไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคารถไฟฟ้าสายสีเขียว แบ่งได้เป็น 4 ประเด็นหลัก ประเด็นแรกที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือค่าโดยสารแพง ไม่สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพในปัจจุบัน และเป็นภาระประชาชน โดยผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนมากชี้ว่าค่าโดยสารปัจจุบันก็สูงอยู่แล้วเมื่อเทียบกับรายได้ การขึ้นราคายิ่งทำให้ผู้ใช้รถไฟฟ้าที่ต้องเดินทางทุกวันมีภาระเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ปานกลางและรายได้น้อยที่ไม่มีทางเลือกอื่นในการเดินทาง

ประเด็นต่อมา เป็นเรื่องความกังวลเรื่องนโยบายและการบริหารจัดการ หลายเสียงตั้งคำถามถึงความชัดเจนของนโยบายภาครัฐและกรุงเทพมหานคร มองว่าการบริหารจัดการระบบขนส่งมวลชนยังขาดความโปร่งใส และควรให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่ายของประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่ผลักภาระให้ผู้โดยสาร พร้อมเรียกร้องให้กรุงเทพมหานคร และรัฐบาล ทบทวนนโยบาย รวมทั้งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและการบริหารจัดการ

ประเด็นที่สาม เรื่องการทำสัญญาสัมปทานที่ไม่ควรเป็นภาระของประชาชน ซึ่งผู้บริโภคส่วนหนึ่งสะท้อนว่า “ปัญหาสัญญาและหนี้” ไม่ควรถูกโยนกลับมาให้ประชาชนรับผิดชอบ หากรัฐมีความซับซ้อนด้านสัญญากับเอกชน ควรเร่งแก้ไขให้รัดกุมและเป็นธรรม โดยไม่ใช้การขึ้นค่าโดยสารเป็นทางออกหลัก

และประเด็นสุดท้าย ผู้บริโภคบางส่วนมองว่ารัฐควรเจรจากับเอกชนเพื่อหาทางออกอื่น โดยรัฐบาลและกรุงเทพมหานครควรเปิดการเจรจากับผู้รับสัมปทานเพื่อหาทางลดต้นทุน หรือจัดทำแพ็กเกจบรรเทาภาระแทนการขึ้นราคา เช่น สนับสนุนผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น

หากขึ้นราคาควรสอดคล้องกับระยะทาง

ทั้งนี้ กลุ่มผู้เห็นด้วยหลายคนมีข้อเสนอแนะว่า รัฐควรเจรจากับผู้รับสัมปทานอย่างจริงจังเพื่อให้โครงสร้างค่าโดยสารถูกกำกับดูแลอย่างโปร่งใส และประชาชนควรได้รับคำอธิบายที่ชัดเจนถึงเหตุผล ความจำเป็น และประโยชน์ที่จะได้รับจากการปรับราคา เช่น การปรับค่าบริการให้สอดคล้องกับระยะทางจริง หรือการนำรายได้บางส่วนกลับไปพัฒนาระบบให้ดียิ่งขึ้น เสียงเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า แม้จะยอมรับการขึ้นราคา แต่ผู้บริโภคก็ยังคาดหวังถึงความรับผิดชอบและหลักธรรมาภิบาลจากภาครัฐและผู้รับสัมปทาน เพื่อให้การปรับราคาเป็นไปอย่างเป็นธรรมและสมเหตุสมผลกับสาธารณะมากที่สุด

รถไฟฟ้า = “ต้นทุนชีวิต” คนกรุง

ผลสำรวจครั้งนี้สะท้อนความจริงสำคัญว่า การขึ้นราคารถไฟฟ้านั้นกระทบต่อต้นทุนและคุณภาพชีวิตของคนจำนวนมาก และผู้บริโภคส่วนใหญ่คาดหวังให้ภาครัฐแก้ไขโครงสร้างต้นทุนและสัญญาโครงการ หรือหาทางออกอื่นที่ไม่ใช่การผลักภาระกลับมายังประชาชน

ดังนั้น โจทย์สำคัญที่ทั้งรัฐบาล กทม. และผู้รับสัมปทานต้องร่วมกันหาทางออกอย่างจริงจังในระยะยาว คือการออกแบบระบบและกำกับดูแลค่าบริการให้ “เหมาะสม เป็นธรรม และไม่เพิ่มภาระให้ผู้บริโภคเกินสมควร” เพื่อให้รถไฟฟ้าเป็นบริการสาธารณะอย่างแท้จริง


เปิดเหตุผล “กทม. VS สภาผู้บริโภค” ขึ้นค่ารถไฟฟ้าสายสีเขียว…เหมาะสมหรือไม่?

หยุดขึ้นราคาสายสีเขียว ดีเดย์ 1 พ.ย. ขึ้น 65 บาท คน กทม. แบกค่ารถไฟฟ้าอ่วม