คดีไม่ถึงที่สุด พิรงรองต้องทำหน้าที่ประชุมทุกวาระ

Getting your Trinity Audio player ready...

สภาผู้บริโภคสนับสนุนการทำหน้าที่ของ กสทช. ในการประชุมวาระที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัททรู พร้อมเรียกร้องข้อชัดเจน

จากกรณี บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ทรู คอปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ส่งหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในการประชุมที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัททรูทั้งหมด โดยการประชุมของคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ กสทช. จะจัดขึ้นเพื่อตรวจสอบกรณีดังกล่าวในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568

สภาผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนผู้บริโภค ได้แสดงความเห็นสนับสนุนการทำหน้าที่ของ กสทช. ดร.พิรงรอง โดยมีข้อเรียกร้องที่สำคัญดังนี้

1. การไม่อนุญาตให้บริษัททรูอ้างคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเดียว: สภาผู้บริโภคขอให้ยืนยันว่าบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป และบริษัททรู คอปอเรชั่น จำกัด ไม่สามารถนำคำพิพากษาที่มีบริษัททรู ดิจิทัล กรุ๊ป เป็นคู่กรณีมาเป็นข้ออ้างในการคัดค้านการเข้าร่วมประชุมในทุกวาระที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัททรูทั้งหมด เนื่องจากเป็นคนละนิติบุคคล

2. การทำหน้าที่ของกรรมการ กสทช. ที่อยู่ในกระบวนการอุทธรณ์: เรียกร้องให้กรรมการ กสทช. ที่อยู่ในกระบวนการพิจารณาคดีอุทธรณ์ยังคงทำหน้าที่ในทุกวาระการประชุม โดยไม่มีข้อยกเว้น เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการดำเนินงานขององค์กร

3. การรักษาความสมดุลในการลงคะแนนเสียง: สภาผู้บริโภคแสดงความกังวลว่าหาก ดร.พิรงรอง ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ จะทำให้การลงคะแนนเสียงของคณะกรรมการ กสทช. ขาดความสมดุล โดยเฉพาะในกรณีที่มีการลงคะแนนเสียงแบ่งเป็น 3:3

4. การพิจารณาเงื่อนไขการควบรวมกิจการ: เรียกร้องให้มีการพิจารณาเงื่อนไขการควบรวมกิจการระหว่างทรูและดีแทคอย่างโปร่งใส และตรวจสอบว่าบริษัททรู คอปอเรชั่นได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการเพื่อป้องกันการผูกขาดตามที่ กสทช. กำหนดไว้หรือไม่

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคขอย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนการทำหน้าที่ของ กสทช. ดร.พิรงรอง เพื่อรักษาประโยชน์สาธารณะในการใช้คลื่นความถี่ที่เป็นทรัพยากรของชาติ ตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560

อีกทั้ง ห่วง กสทช. ขาดสมดุล หลังพิรงรองถูกกันไม่ให้ร่วมประชุมวาระทรู และกังวลว่าการกันตัว กสทช. พิรงรอง ไม่ให้ร่วมประชุมวาระที่เกี่ยวกับบริษัททรู อาจกระทบต่อดุลยภาพการลงมติในบอร์ด กสทช. หากเหลือกรรมการเพียง 6 คน และเสียงลงมติเป็น 3:3 ประธาน กสทช. จะมีสิทธิชี้ขาด ซึ่งอาจซ้ำรอยกรณีควบรวมทรู-ดีแทค ปี 2565 ที่ประธานใช้เสียงพิเศษตัดสิน

นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าวาระสำคัญที่เกี่ยวกับการพิจารณาปรับเงื่อนไขควบรวมทรู-ดีแทค ที่อาจเอื้อเอกชน ถูกเลื่อนออกไปโดยไม่ชี้แจง ขณะที่บริษัททรูยังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขป้องกันการผูกขาดครบถ้วน ทั้งที่การควบรวมผ่านมากว่า 2 ปี โดยตั้งคำถามว่า มีเจตนาเลื่อนเพื่อรอให้พิรงรองพ้นจากหน้าที่ก่อนหรือไม่