
เผยความสำเร็จในปี 2568 ของ 21 หน่วยฯ จังหวัด สภาผู้บริโภค พลิกปัญหาผู้บริโภค สู่ 15 ประเด็นเชิงนโยบาย ชงเรื่องรัฐขยับแก้ไข นำหลายมาตรการลงปฏิบัติจริงในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
หลายปัญหาที่ผู้บริโภคเผชิญทุกวันอาจเหมือนเป็นเรื่องเล็ก ทั้งสายสื่อสารที่ห้อยต่ำจนเสี่ยงอันตราย สัญญาหอพักที่ผู้เช่าแทบไม่มีสิทธิจะต่อรอง หรือการเดินทางในต่างจังหวัดที่ไม่สะดวกและไม่ปลอดภัย เมื่อเกิดขึ้นซ้ำในหลายจังหวัด จึงกลายเป็นสัญญาณสำคัญที่ต้องแก้ไขเชิงนโยบาย ซึ่งในปี 2568 หน่วยงานประจำจังหวัด สภาผู้บริโภค ทั้ง 21 แห่ง แสดงให้เห็นว่า หากเก็บข้อมูลจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สาเหตุร่วม ผลักดันทำให้ปัญหาใกล้ตัวสามารถผลักดันขึ้นสู่ระดับประเทศได้ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองมากขึ้น
“หน่วยงานประจำจังหวัด” ที่พึ่งของผู้บริโภคแต่ละพื้นที่
หน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภคเป็นหน่วยงานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่จริง ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียน ให้คำปรึกษา ประสานการแก้ไข ติดตามผล และเก็บข้อมูลปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง การอยู่ในพื้นที่ทำให้มองเห็นทั้งปัญหาได้เร็ว เห็นผลกระทบจริง และเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละจังหวัดได้อย่างชัดเจน จึงสามารถช่วยเหลือ ติดตามแก้ไขได้ตรงจุดมากกว่าเพียงการส่งต่อเรื่องไปยังหน่วยงานส่วนกลาง
ในปี 2568 มีหน่วยงานประจำจังหวัดจำนวน 21 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำพูน ร้อยเอ็ด กรุงเทพมหานคร ประจวบคีรีขันธ์ สงขลา สตูล สุราษฎร์ธานี กาญจนบุรี สมุทรสงคราม ขอนแก่น พระนครศรีอยุธยา กาฬสินธุ์ ปัตตานี สุรินทร์ น่าน นครปฐม ลำปาง และล่าสุด คือ เพชรบุรี
ทั้งนี้เฉพาะช่วงปีงบประมาณ 2568 หน่วยงานประจำจังหวัดรับเรื่องร้องเรียนรวม 13,913 เรื่อง (จากทั้งหมดกว่า 23,000 เรื่อง) ครอบคลุมปัญหาหลากหลาย ตั้งแต่ภัยมิจฉาชีพออนไลน์ สินค้าและบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน สัญญาไม่เป็นธรรม ปัญหาอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ไปจนถึงบริการสาธารณะและการเดินทาง สะท้อนภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วประเทศ
สิ่งที่ทำให้การทำงานของหน่วยงานประจำจังหวัดแตกต่าง คือ การเก็บรวบรวมข้อมูลจากเรื่องร้องเรียนมาวิเคราะห์ร่วมกัน เพื่อดูว่าปัญหาอะไรเกิดซ้ำ ช่องว่างอยู่ตรงไหน และควรแก้ไขด้วยมาตรการระดับใด จากฐานข้อมูลจำนวนมากที่เกิดขึ้นซ้ำในหลายจังหวัดและการทำงานใกล้ชิดกับผู้บริโภค หน่วยงานประจำจังหวัดจึงสามารถมองเห็นแนวโน้ม สาเหตุรากของปัญหา และช่องโหว่เชิงโครงสร้าง ก่อนจะนำไปสู่การยกระดับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายในระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ
นโยบายจากพื้นที่ ผลักดันสู่ระดับประเทศ
การทำงานของหน่วยงานประจำจังหวัดทั้ง 21 แห่ง ทำให้ปัญหาที่เริ่มต้นจากชีวิตประจำวันของผู้บริโภคถูกยกระดับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายระดับประเทศรวม 15 ประเด็น โดยอาศัยข้อมูลจากเรื่องร้องเรียนจริง การลงพื้นที่ และการประสานกับหน่วยงานรัฐในแต่ละจังหวัด เมื่อพบว่าหลายปัญหาไม่อาจแก้ได้ด้วยการช่วยรายกรณี หน่วยงานประจำจังหวัดจึงพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายร่วมกัน ส่งต่อสู่ระดับจังหวัด ระดับภาค และระดับประเทศ พร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
1. ประเด็นการจัดระเบียบสายสื่อสารโทรคมนาคมให้ปลอดภัย หนึ่งในเรื่องร้องเรียนที่พบมากที่สุดในหลายจังหวัด ทั้งร้อยเอ็ด เชียงใหม่ น่าน ประจวบคีรีขันธ์ พะเยา และสงขลา ซึ่งต่างพบปัญหาสายสื่อสารห้อยต่ำ รก และกีดขวางทางสัญจร หน่วยงานประจำจังหวัดประสาน สสจ. ขนส่ง อปท. แขวงทางหลวงชนบท กฟภ. กปภ. และ กสทช. เพื่อสำรวจจุดเสี่ยงและจัดระเบียบสายในพื้นที่ ก่อนยกระดับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายระดับประเทศ
2. นโยบายน้ำดื่มสะอาด ปลอดภัย และราคาเป็นธรรม ปัญหาตู้น้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐานและมีราคาไม่สอดคล้องกับคุณภาพปรากฏในหลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ (อำเภอสันป่าตอง), สตูล, กรุงเทพมหานคร, เพชรบุรี และนครปฐม ทำให้หน่วยงานประจำจังหวัดต่างเริ่มตรวจสอบและประสานท้องถิ่นในการกำกับดูแล โดยเชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่เดินหน้ามากที่สุดจนเกิดเทศบัญญัติตู้น้ำดื่มปลอดภัย และการจัดตั้งคณะทำงานกำกับดูแล ขณะที่สตูลและกรุงเทพมหานครมีบทบาทร่วมตรวจสอบและผลักดันมาตรฐานเชิงพื้นที่ ทำให้ประเด็นนี้ขยายเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายระดับประเทศด้านมาตรฐานน้ำดื่มที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสม
3. ศาลาที่พักผู้โดยสารปลอดภัย เป็นข้อเสนอของจังหวัดสตูล หลังพบว่าหลายจุดไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้บริการ หน่วยงานประจำจังหวัดสตูลจึงยื่นข้อเสนอร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งผลให้มีแผนก่อสร้างศาลาที่พักใหม่ 2 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าเทศบาลตำบลกำแพงและบริเวณสี่แยกคลองขุดโดยแขวงทางหลวงชนบท
4. การใช้สัญญาเช่าหอพักที่ไม่เป็นธรรม เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ เช่น พะเยา เชียงราย เชียงใหม่ ขอนแก่น และร้อยเอ็ด ไม่ว่าจะเป็นการคิดค่าไฟ – ค่าน้ำเกินจริง การริบเงินประกัน หรือการกำหนดเงื่อนไขที่เอาเปรียบผู้เช่า หน่วยงานประจำจังหวัดพะเยาและเชียงรายจึงร่วมกับคลินิกกฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก ออกแบบสัญญาเช่ามาตรฐานเพื่อใช้เป็นแนวทางในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง และได้รับการขยายผลสู่ข้อเสนอระดับประเทศด้านสัญญาเช่าหอพักที่เป็นธรรมและนำไปขยายแนวทางการดำเนินงานสู่พื้นที่ภาคต่าง ๆ
5. การควบคุมนิติกรรมอำพรางสัญญาขายฝากทองรูปพรรณ ในจังหวัดภาคเหนือ เช่น เชียงราย น่าน และพะเยา พบการใช้สัญญาลักษณะขายฝากทองที่มีเงื่อนไขไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หน่วยงานประจำจังหวัดได้รวบรวมข้อมูลและเรื่องร้องเรียน จนยื่นข้อเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพื่อให้ตรวจสอบรูปแบบสัญญาและหามาตรการกำกับดูแลเพื่อลดปัญหาการเอาเปรียบในธุรกิจขายฝากทองในภาพรวมของประเทศ รวมถึงการนำไปทำงานต่อเนื่องในพื้นที่เชียงราย และน่าน
6. ประเด็นความปลอดภัยอาหารทะเลสดจากสารฟอร์มาลีน จังหวัดลำปางเป็นพื้นที่ที่พบการใช้สารฟอร์มาลีนในอาหารทะเลสด หน่วยงานประจำจังหวัดจึงประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เทศบาล เจ้าของตลาด และผู้ประกอบการ จัดทำบันทึกความร่วมมือเพื่อตรวจสอบคุณภาพอาหารทะเลอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจังหวัดนครปฐมและสมุทรสงครามยังร่วมขับเคลื่อนในพื้นที่ของตน ทำให้ประเด็นนี้ถูกขยายเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายด้านอาหารปลอดภัยในตลาดสด
7. การจัดการผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ไม่ปลอดภัยในตลาดชุมชน ในหลายจังหวัด เช่น สุราษฎร์ธานี ร้อยเอ็ด ลำพูน และน่าน พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายในตลาดชุมชน หน่วยงานประจำจังหวัดจึงร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านค้า ให้ความรู้ผู้ประกอบการ และประสานให้ใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ส่งผลให้เกิดข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อจัดระเบียบตลาดผลิตภัณฑ์สุขภาพในวงกว้าง
8. การเข้าถึงบริการสุขภาพที่เป็นธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์ จังหวัดลำพูน ที่พบปัญหากลุ่มชาติพันธุ์เข้าไม่ถึงสิทธิการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง หน่วยงานประจำจังหวัดจึงรวบรวมข้อมูลจากชุมชน พูดคุยกับโรงพยาบาลและสาธารณสุขจังหวัด ก่อนเสนอเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายด้านความเท่าเทียมทางสุขภาพ เพื่อผลักดันให้เกิดมาตรการรองรับกลุ่มประชากรที่เปราะบาง
9. การผลักดันสถานีขนส่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่รองรับจำนวนประชากรและการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้ร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำข้อเสนอให้มีสถานีขนส่งจังหวัดแห่งใหม่ เพื่อรองรับการเดินทางในอนาคต ข้อเสนอนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาในระดับนโยบายจังหวัด
10. การคัดค้านร่างพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน หลายจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น ร่วมกับสำนักงานสภาผู้บริโภค พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่ดินที่อาจกระทบสิทธิประชาชน โดยเฉพาะกรณีการหลีกเลี่ยงการจดจัดสรรที่ดินในโครงการขนาดเล็ก หน่วยงานประจำจังหวัดจึงร่วมกันให้ข้อมูลและคัดค้านในระดับประเทศเพื่อคุ้มครองสิทธิในที่อยู่อาศัยของประชาชน
11. เมืองร้อยเอ็ดมาตรฐานน้ำมันเต็มลิตร จังหวัดร้อยเอ็ดได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ไม่เต็มลิตร หน่วยงานประจำจังหวัดจึงร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลงพื้นที่ตรวจสอบ ปรับปรุงมาตรฐานการตรวจปั๊มน้ำมัน และติดตามผลอย่างจริงจัง จนเกิดแนวทางเมืองร้อยเอ็ด เมืองน้ำมันเต็มลิตรที่เริ่มเห็นผลในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
12. การบังคับใช้พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จากจำนวนร้องเรียนภัยออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จังหวัดต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ร้อยเอ็ด และขอนแก่น จึงร่วมกับตำรวจและหน่วยงานด้านดิจิทัล ผลักดันให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ข้อมูลเชิงพื้นที่แก่ส่วนกลางเพื่อจัดการปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ที่ซับซ้อนขึ้น
13. มาตรการห้ามจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ที่ไม่มีการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ในจังหวัดต่าง ๆ เช่น นครปฐม ลำพูน และสุราษฎร์ธานี ทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ตรวจสอบผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ที่ไม่มีฉลากหรือไม่ผ่านการรับรอง และผลักดันให้ร้านค้าปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเข้มงวด ก่อนยกระดับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายด้านความปลอดภัยอาหาร
14. การจัดการปัญหาความแออัดและความไม่เป็นธรรมในการรักษาพยาบาล จากการร้องเรียนเกี่ยวกับระยะเวลารอคอย การเข้าถึงบริการที่ไม่เท่าเทียม และภาระค่าใช้จ่าย หน่วยงานประจำจังหวัดในหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคตะวันตกและภาคอีสาน ได้รวบรวมข้อมูลและนำเสนอข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสิทธิบริการสุขภาพ เพื่อให้เกิดการปรับปรุงในระบบบริการสาธารณสุข
15. นโยบายอาหารแปรรูปและอาหารปลอดภัยในตลาดนัด ในสมุทรสงคราม และนครปฐมเป็นพื้นที่หลักที่เริ่มต้นขับเคลื่อนร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ เทศบาล โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้ประกอบการตลาด เพื่อจัดระเบียบความปลอดภัยอาหารในตลาดนัด ผ่านการทำข้อตกลงร่วมกันในหลายหน่วยงาน และลงพื้นที่ตรวจสอบ ต่อมาถูกขยายไปยังจังหวัดอื่นที่มีตลาดนัดขนาดใหญ่ ทำให้ประเด็นดังกล่าวถูกยกระดับเป็นข้อเสนอด้านความปลอดภัยอาหารในตลาดท้องถิ่น
ประเด็นที่ขยับจากนโยบาย สู่การทำงานจริงในพื้นที่
จากการทำงานของหน่วยงานประจำจังหวัดตลอดปี 2568 มีข้อเสนอด้านการคุ้มครองผู้บริโภคจำนวน 9 นโยบายที่ได้รับความเห็นชอบในระดับจังหวัดและระดับภาค แต่สิ่งสำคัญคือบางนโยบายถูกขยับลงสู่การปฏิบัติจริงในพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรม โดยในปีนี้มี 5 นโยบายสำคัญ ที่ถูกนำไปดำเนินงานจริงในหลายจังหวัด สะท้อนให้เห็นถึงพลังของการทำงานเชิงพื้นที่ของหน่วยงานประจำจังหวัดได้ชัดเจนที่สุด
ประเด็นแรกคือ การจัดระเบียบสายสื่อสารให้ปลอดภัย มีความคืบหน้าในหลายจังหวัด เช่น ร้อยเอ็ด พะเยา ประจวบคีรีขันธ์ และสตูล ผ่านการทำงานร่วมกับสำนักงานขนส่งจังหวัด แขวงทางหลวงชนบท การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อสำรวจจุดเสี่ยง ปรับปรุงภูมิทัศน์ และจัดเก็บสายสื่อสารที่ห้อยต่ำหรือรกรุงรัง โดยสตูลเป็นตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด มีการจัดระเบียบสายควบคู่กับการพัฒนาภูมิทัศน์เมือง ส่วนร้อยเอ็ดและพะเยาได้จัดเวทีแลกเปลี่ยนและรายงานความคืบหน้าต่อส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง ทำให้การแก้ไขเป็นระบบมากขึ้น และประชาชนเริ่มเห็นความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่สาธารณะ
ในประเด็น สัญญาเช่าหอพักมาตรฐาน จังหวัดพะเยาและเชียงรายร่วมกับคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา และคณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพัก ออกแบบสัญญาเช่ามาตรฐานเพื่อแก้ปัญหาค่าไฟและค่าน้ำเกินจริง การริบเงินประกัน และเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม หน่วยงานประจำจังหวัดเผยแพร่สัญญานี้ให้ผู้ประกอบการและจัดประชุมหารือในหลายพื้นที่ รวมถึงขยายการแลกเปลี่ยนแนวทางไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้หลายหอพักเริ่มนำสัญญามาตรฐานไปใช้จริง ผู้เช่าได้รับเอกสารสัญญาที่ชัดเจน โปร่งใส และลดความขัดแย้งลงได้อย่างเห็นผล
ด้าน ความปลอดภัยอาหารทะเลสดจากสารฟอร์มาลีน จังหวัดลำปางมีการลงนามบันทึกความร่วมมือร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เทศบาล ผู้ประกอบการตลาด และเจ้าของแผงค้า เพื่อกำหนดแนวทางตรวจสารปนเปื้อน พร้อมติดตามผลในตลาดสดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหลักในจังหวัดมีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็งขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้ออาหารทะเลสดได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ประเด็นที่สี่คือ มาตรฐานถังก๊าซหุงต้มปลอดภัย จังหวัดสงขลา ปัตตานี และหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ขับเคลื่อนประเด็นเหล่านี้มาต่อเนื่อง โดยเสนอให้ตั้งคณะทำงานพัฒนานโยบายความปลอดภัยก๊าซหุงต้มจังหวัด พร้อมจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังระดับตำบลเพื่อสำรวจถังก๊าซในครัวเรือน ตรวจสอบสภาพถัง และบันทึกวันหมดอายุ รวมถึงผลักดันให้ร้านจำหน่ายก๊าซแสดงราคาและข้อมูลความปลอดภัยอย่างชัดเจน นโยบายนี้กำลังถูกบรรจุเข้าสู่แผนพัฒนาจังหวัด ทำให้มาตรการความปลอดภัยถังก๊าซได้รับการบังคับใช้จริงในวงกว้าง
สุดท้ายคือ นโยบายน้ำดื่มปลอดภัยในชุมชน ซึ่งเชียงใหม่ โดยเฉพาะอำเภอสันป่าตอง เป็นพื้นที่ที่เดินหน้ามากที่สุด ผ่านการออกบัญญัติตู้น้ำดื่มปลอดภัยในชุมชน ปี 2567 ตั้งคณะทำงานร่วมกับนายอำเภอ เทศบาล และสาธารณสุข เพื่อตรวจคุณภาพตู้น้ำดื่มและประสานผู้ประกอบการให้ปรับปรุงตามมาตรฐาน ขณะเดียวกันจังหวัดสตูลและกรุงเทพมหานครได้ร่วมตรวจสอบตู้น้ำดื่มในพื้นที่ ทำให้ชุมชนหลายแห่งเริ่มเข้าถึงน้ำดื่มที่มีคุณภาพมากขึ้น และลดความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้บริโภค
บทบาทของหน่วยงานประจำจังหวัดตลอดปี 2568 ได้พิสูจน์ว่า ปัญหาในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคสามารถยกระดับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจริงทั้งระดับจังหวัดและระดับประเทศ ครอบคลุมความปลอดภัย การอยู่อาศัย การเดินทาง หรือคุณภาพสินค้าและบริการ ทั้งหมดนี้สะท้อนความสำคัญของหน่วยงานประจำจังหวัดในการเชื่อม “เสียงจากพื้นที่” เข้ากับการแก้ไขเชิงนโยบายที่จับต้องได้และคุ้มครองผู้บริโภคในระยะยาว
ผู้บริโภคที่พบปัญหา ถูกเอาเปรียบ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถติดต่อหน่วยงานประจำจังหวัด สภาผู้บริโภค ทั้ง 21 จังหวัด เพื่อขอคำปรึกษา ร้องเรียน หรือแจ้งข้อมูลปัญหาได้โดยตรง ดูข้อมูลของหน่วยงานประจำจังหวัดได้ผ่าน เว็บไซต์สภาผู้บริโภค



