Getting your Trinity Audio player ready... |

พรบ.ตั๋วร่วม ใกล้คลอด! ลุ้นตั้งสภาผู้บริโภค ในฐานะผู้แทนผู้บริโภคเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ด้าน สนข. ระบุ ใช้ตั๋วใบเดียว ราคาเดียว เชื่อมขนส่งทั้งระบบ
จากกรณี เมื่อต้นปี 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเอกฉันท์รับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. …. ประกอบกับการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอด โดยประชาชนที่ใช้บริการจะต้องลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่าน ในเดือนสิงหาคม 2568 นั้น

จิรโรจน์ ศุกลรัตน์ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวถึงความคืบหน้าล่าสุด ของ ร่าง พรบ.ตั๋วร่วม ว่า ปัจจุบันกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวาระ 2 โดยเนื้อหาสำคัญของ ร่าง พรบ.ตั๋วร่วม คือการกำหนดให้มีตั๋วร่วมและค่าโดยสารร่วม ส่วนเรื่องโครงสร้างการบริหารจัดการ ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม โดยมีประธานสภาผู้บริโภค ในฐานะตัวแทนของผู้บริโภค เป็นคณะกรรมการด้วย เพื่อเป็นเป็นปากเป็นเสียงของผู้บริโภคในการใช้บริการ
สำหรับสาระสำคัญของ ร่าง พรบ.ตั๋วร่วม มี 5 ประการ คือ
1. การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วมเพื่อให้เป็นมาตรฐานกลางสำหรับตั๋วร่วมในอนาคต
2. กำหนดอัตราโดยสารร่วม ให้หน่วยงานของรัฐจะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมไปใช้บังคับในการทำสัญญาสัมปทานขนส่งสาธารณะในอนาคต
3. จัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม รวมทั้งให้กู้ยืมแก่ภาคเอกชนที่ประกอบกิจการตั๋วร่วม
4. ผู้ประกอบการที่จะมีสิทธิ์ขอรับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้
5. ในกรณีมีความจำเป็นให้ตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม
“เชื่อว่ากฎหมายตั๋วร่วมจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบขนส่งสาธารณะของไทย โดยหากเทียบการใช้ระบบตั๋วร่วมกับต่างประเทศ ไทยใช้ระบบเดียวกับลอนดอน คือใช้กฎหมายตั๋วร่วมกับรถขนส่งสาธารณะทุกประเทศ นั่นแปลว่า ประเทศไทยสร้างระบบขนส่งเชื่อมต่อทุกระบบเรียบร้อยแล้วจะใช้ระบบตั๋วใบเดียวและใช้ตารางราคาเดียวกันทั้งหมด” รองผู้อำนวยการ สนข. ระบุ
เมื่อถามถึงระบบของประเทศอื่น ๆ จิรโรจน์ ให้ข้อมูลว่า ในต่างประเทศมีการใช้ตั๋วร่วมหลากหลายแบบ เช่น บัตร Suica ของญี่ปุ่น บัตร Easycard ของไต้หวัน บัตร Octopus ฮ่องกง บัตร Oyster Card อังกฤษ บัตร T-MONEY เกาหลีใต้ และ บัตร EZ LINK สิงคโปร์ ซึ่งจุดเด่นของระบบตั๋วร่วมประเภทนี้ คือ ผู้บริโภคสามารถใช้จ่ายค่าบริการขนส่งสาธารณะ อาทิ รถเมล์ รถไฟฟ้า เรือโดยสาร และยังและยังสามารถใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคตามร้านสะดวกซื้อต่างๆได้ โดยรวมทุกอย่างไว้ในระบบตั๋วร่วมใบเดียวใช้ได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ

ด้าน สุภาพร ถิ่นวัฒนากูล รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า สภาผู้บริโภค สนับสนุนนโยบายระบบตั๋วร่วมเพราะเชื่อว่าจะช่วยยกระดับระบบขนส่งสาธารณะของไทยให้ได้ขึ้น โดยสาระสำคัญที่ผู้บริโภคอยากเห็นในพรบ.ระบบตั๋วร่วมฉบับนี้ มี 5 เรื่องสำคัญ ได้แก่
1) มีประธานสภาผู้บริโภคในฐานะผู้แทนผู้บริโภคเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม
2) ระบบตั๋วร่วมครอบคลุมการเดินทางทางถนน ทางราง และทางน้ำในฐานะขนส่งสาธารณะ
3) ผู้ให้บริการต้องรับฟังและจัดการแก้ไขเรื่องร้องเรียนจากผู้ใช้บริการระบบตั๋วร่วม
4) ค่าโดยสารร่วมใช้ได้กับระบบขนส่งสาธารณะทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด
5) มีกองทุนสนับสนุนตั๋วร่วมเพื่อช่วยเหลือทั้งผู้โดยสารและผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘ตั๋วร่วม’ พลิกโฉมระบบขนส่งไทย
เวทีรับฟัง หนุน “พ.ร.บ.ตั๋วร่วม” เห็นพ้อง สภาผู้บริโภค ต้องร่วมเป็นกรรมการ