
สภาผู้บริโภคร่วมกับสมาคมโคนมก้าวหน้า และเกษตรกร ผลักดันฉลากผลิตภัณฑ์นมใหม่ นมโคสดแท้ หรือนมผงต้องชัด เพิ่มพื้นที่แสดงส่วนประกอบให้ชัดเจน สร้างความเข้าใจและสิทธิในการเลือกให้กับผู้บริโภคไทย
วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 สภาผู้บริโภค ร่วมกับสมาคมโคนมก้าวหน้าและกลุ่มเกษตรกร แถลงข่าวชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่าง “น้ำนมโคสด” กับ “น้ำนมโค” ที่อาจมีส่วนผสมนมผง แต่ไม่ระบุในฉลากให้ชัดเจน ทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน เตรียมหาข้อสรุปข้อเสนอปรับฉลากผลิตภัณฑ์นมใหม่ เสนอให้คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แก้ไขฉลาก เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องและเลือกผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับความต้องการ
ปัญหาฉลากนมโค สร้างความสับสนให้ผู้บริโภคไทย
สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคยังคงสับสนระหว่าง “น้ำนมโคสด” กับ “น้ำนมโค” ที่อาจมีส่วนผสมนมผง ที่มีการไม่ระบุให้ชัดเจนในฉลาก สร้างความสับสนและทำให้ผู้บริโภคไม่มั่นใจว่าสินค้าที่เลือกซื้อนั้นเป็นนมประเภทใดกันแน่ โดยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 สมาคมโคนมก้าวหน้าได้เข้าพบสภาผู้บริโภค เพื่อหารือเกี่ยวกับการกำหนดมาตรฐานการแสดงข้อความ “น้ำนมโคสด” บนฉลากผลิตภัณฑ์นม พร้อมเสนอให้ระบุส่วนประกอบและประเภทของนมอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างถูกต้อง
“การบริโภคนมของเด็กเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ขณะที่ฉลากผลิตภัณฑ์นมจำนวนมากยังสร้างความสับสนให้ผู้บริโภค “ทุกวันนี้เรายังตอบไม่ได้ชัดเจนว่าเรา ‘ดื่มนมสด’ หรือ ‘นมผสมนมผง’ กันแน่ สิทธิในการรับรู้ข้อมูลที่ถูกต้องบนฉลากผลิตภัณฑ์ ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค เพื่อเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุด” สารีกล่าว และย้ำว่า ปัญหาเดิม ๆ เช่น ฉลากเล็ก อ่านยาก หรือไม่มีภาษาไทย ยังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อผู้บริโภค เราต้องทำให้ฉลากอาหาร ซึ่งเป็นต้นทางของการตัดสินใจ
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคจะรวบรวมข้อเสนอในเวทีหารือครั้งนี้ สภาผู้บริโภคจะรวบรวมความเห็นและส่งเรื่องต่อให้อนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อพิจารณาผลักดันเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายถึงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) โดยมีเป้าหมายให้ปรับเปลี่ยนฉลากอาหารเป็นมิตรกับผู้บริโภคมากขึ้น
นอกจากนี้ ข้อคิดเห็นจากสมาคมโคนมก้าวหน้าและกลุ่มเกษตรกรในครั้งนี้ ช่วยให้สภาผู้บริโภคได้ข้อเสนอที่รอบด้านและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคอย่างแท้จริง พร้อมย้ำว่า ผู้บริโภคไม่เพียงมีสิทธิในการรับรู้และเลือกซื้อสินค้าเท่านั้น แต่ยังมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมผ่านการบริโภค ตั้งแต่เรื่องสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการสนับสนุนเกษตรกร
นที โดดสูงเนิน นายกสมาคมโคนมก้าวหน้า กล่าวถึงเหตุผลของการเข้าหารือต่อสภาผู้บริโภคว่า สมาคมโคนมก้าวหน้า เชื่อว่าผู้บริโภคทุกคนมีสิทธิที่จะรู้และเลือกผลิตภัณฑ์อย่างถูกต้อง แต่ปัจจุบันฉลากผลิตภัณฑ์นมในท้องตลาดยังมีความสับสน ทั้งในด้านข้อความและการแสดงประเภทของนม ไม่ว่าจะเป็น “น้ำนมโคสด” หรือ “น้ำนมโคที่มีการผสมนมผง” ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถแยกแยะได้อย่างชัดเจน แม้ผู้บริโภคในยุคนี้ให้ความสำคัญกับการอ่านฉลากมากขึ้น แต่ฉลากที่มีอยู่กลับยังไม่ตอบโจทย์ด้านความชัดเจนเพียงพอ
ทั้งนี้ สมาคมโคนมก้าวหน้าและกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม เสนอ 3 แนวทางสำคัญ เพื่อให้ข้อมูลบนฉลากผลิตภัณฑ์นมมีความชัดเจน โปร่งใส และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกบริโภคได้อย่างถูกต้อง ได้แก่
1. ความชัดเจนบนฉลาก (Label Clarity)
- ขอให้ปรับปรุงข้อความบนฉลากให้ชัดเจนขึ้น ทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เช่น
“น้ำนมโค” “น้ำนมโคสด” “Fresh Milk” ซึ่งปัจจุบันสร้างความสับสนแก่ผู้บริโภคจำนวนมาก ต้องมีการกำหนดนิยามและเงื่อนไขให้ชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ใดเป็น “นมสด” และผลิตภัณฑ์ใดใช้ “นมผง”
2. ขนาดพื้นที่แสดงส่วนประกอบ
- เสนอให้ ข้อมูลส่วนประกอบต้องมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 20% ของฉลากบนบรรจุภัณฑ์
3. การใช้โลโก้หรือสัญลักษณ์แสดงว่าใช้ “น้ำนมภายในประเทศ”
- เสนอให้มี โลโก้เฉพาะ บนผลิตภัณฑ์นมที่ใช้ น้ำนมดิบจากเกษตรกรไทย ช่วยให้ผู้บริโภคตรวจสอบได้ทันที ไม่ต้องอ่านถ้อยคำทางกฎหมายที่ซับซ้อน อีกทั้ง ยังช่วยสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ และส่งเสริมการบริโภคสินค้าไทย
ชนะศักดิ์ จุมพลอนันต์ นายกสมาคมกลุ่มเกษตรกรผู้รวบรวมน้ำนมดิบ กล่าวย้ำถึงความจำเป็นในการสื่อสารข้อมูลอย่างชัดเจนแก่ผู้บริโภคควบคู่กับการสนับสนุนเกษตรกรโคนมในประเทศ เพื่อบ่งชี้ว่าน้ำนมดิบที่ใช้ในผลิตภัณฑ์มาจากเกษตรกรไทยโดยตรง ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภครู้แหล่งที่มาของวัตถุดิบได้ง่ายขึ้น
“ข้อเสนอในวันนี้ไม่เพียงช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างถูกต้องเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยอย่างเป็นรูปธรรม ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้เลี้ยงโคนมหลายรายประสบความเดือดร้อน ต้องเทน้ำนมทิ้ง เนื่องจากความต้องการในตลาดผันผวน ทั้งที่ในอดีต ประเทศไทยเคยประสบปัญหาน้ำนมดิบไม่เพียงพอด้วยซ้ำ การมีฉลากที่บ่งบอกแหล่งที่มาชัดเจนจะช่วยกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันมาสนับสนุนสินค้าไทยมากขึ้น ช่วยซื้อ ช่วยบริโภค และช่วยให้เกษตรกรสามารถประกอบอาชีพนี้ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป” ชนะศักดิ์กล่าว
เปิดช่องโหว่ทางกฎหมาย ทำไมถึงสับสน
มลฤดี โพธิ์อินทร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม กล่าวว่า ได้นำประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 350) พ.ศ. 2556 เรื่องนมโค มาวิเคราะห์ พร้อมอธิบายให้เห็นว่า เหตุใดผู้บริโภคไทยจึงยัง “อ่านฉลากนมแล้วงง” โดยเฉพาะความไม่ชัดเจนของคำนิยามตามกฎหมาย โดยพบว่าความคลุมเครือส่วนใหญ่เกิดจากความไม่ชัดเจนของคำนิยามตามกฎหมาย “น้ำนมโคดิบ” ที่หมายถึงน้ำนมที่รีดจากแม่โคโดยตรง และ “น้ำนมโคสด” ที่ต้องผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ด้วยความร้อนไม่เกิน 80 องศาเซลเซียสและห้ามเติมวัตถุอื่น ๆ นอกจากนี้ คำว่า “น้ำนมโค” ตามนิยามกฎหมายยังสามารถผ่านความร้อนสูงกว่า 80 องศาเซลเซียส เช่น ยูเอสที หรือสเตอริไลซ์ และสามารถเติมหรือปรับส่วนผสมได้ รวมถึงผสมผงนมได้ถึง 1%
นอกจากนี้ ยังนำตัวอย่างฉลากจากผลิตภัณฑ์จริงหลายยี่ห้อมาอธิบายให้เห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาด โดยพบการใช้คำภาษาไทย–อังกฤษที่ไม่สอดคล้องกัน เช่น การระบุ “นมโคแท้ 100%” ควบคู่กับส่วนประกอบที่เขียนว่า “น้ำนมโค (Fresh Milk)” ทั้งที่ตามกฎหมายไม่ได้เป็น “นมสด” จนสร้างความเข้าใจผิดให้ผู้บริโภค อีกทั้งยังมีชื่อผลิตภัณฑ์ที่ไม่ตรงไปตรงมา เช่น นมพาสเจอร์ไรซ์ที่มีการแต่งกลิ่นนม ทั้งที่เป็นผลิตภัณฑ์จากน้ำนมโคเกือบ 100% รวมถึงกรณีการใช้คำว่า “น้ำนมโค” โดยไม่ระบุว่าอาจมีการผสมผงนม แต่หากไม่เกิน 1% กฎหมายจะอนุญาตให้ผสมได้ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถรู้ข้อมูลที่แท้จริงจากฉลากได้อย่างครบถ้วน
มลฤดี ย้ำว่า สภาผู้บริโภคเห็นความสำคัญของข้อเสนอที่สมาคมโคนมก้าวหน้าได้นำเสนอ เพื่อให้ฉลากนมมีความตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ตัวอักษรใหญ่ขึ้นมองเห็นชัดเจน และช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการนมโคไทย


เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



