Ribbon

ไทยผนึกอินโดฯ คุ้มครองผู้บริโภค ข้ามพรมแดน

Getting your Trinity Audio player ready...
ไทยผนึกอินโดฯ คุ้มครองผู้บริโภค ข้ามพรมแดน

วันที่ 20 ตุลาคม 2568 สภาผู้บริโภค และมูลนิธิผู้บริโภคแห่งอินโดนีเซีย (Yayasan Lembaga Konsumen Indonesia: YLKI) จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับการ คุ้มครองผู้บริโภค ระหว่างสองประเทศ โดยมี บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภาผู้บริโภค และนิธิ เอมิเลียนา (Ms. Niti Emiliana) ประธานมูลนิธิผู้บริโภคแห่งอินโดนีเซียเป็นผู้ลงนาม และได้รับเกียรติจาก ณิชากร พลวัชริน นิติกรจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเขมรัช อมรวัตพงศ์ ตัวแทนจากองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) ร่วมเป็นสักขีพยาน

สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งด้านการ คุ้มครองผู้บริโภค ในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในยุคที่การค้าข้ามพรมแดนและการท่องเที่ยวระหว่างไทย – อินโดนีเซียเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางระหว่างไทยและอินโดนีเซียจำนวนมากกว่า 1 ล้านคน

“ความร่วมมือที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่เพียงการลงนามในเอกสารเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของทั้งสององค์กรที่จะผลักดันการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคให้ก้าวไปอีกระดับ โดยเฉพาะในประเด็นการซื้อขายออนไลน์และการบริโภคที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นความท้าทายร่วมกันของภูมิภาคอาเซียน” สารีกล่าว

สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ได้กำหนดกรอบความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสภาผู้บริโภคและ YLKI ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการให้คำปรึกษา รับเรื่องร้องเรียน และจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมระหว่างผู้บริโภคไทยและอินโดนีเซีย นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เกิดการวิจัยร่วมกันในประเด็นสำคัญ เช่น ความปลอดภัยของตลาดออนไลน์ (E-Commerce) และการบริโภคอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการเสริมพลังการขับเคลื่อนเชิงนโยบายในระดับภูมิภาค เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สารี กล่าวอีกว่า ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การซื้อขายสินค้าและบริการระหว่างไทยและอินโดนีเซีย เป็นไปได้อย่างปลอดภัยและเป็นธรรมสำหรับผู้บริโภคจำนวนหลายล้านคนใน 2 ประเทศ ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่า “สิทธิและความปลอดภัยของผู้บริโภค” เป็นสิ่งที่ทั้งสององค์กรให้ความสำคัญ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งนี้จะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการแลกเปลี่ยนความรู้ สนับสนุนการทำงานร่วมกัน และสร้างระบบนิเวศด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่เข้มแข็งและยั่งยืนในอนาคต

ทางด้าน นิธิ เอมิเลียนา ประธานมูลนิธิผู้บริโภคแห่งอินโดนีเซีย ระบุว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ ที่ช่วยขยายเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีผู้บริโภคอินโดนีเซียจำนวนมากที่ซื้อสินค้าจากประเทศไทย ในขณะเดียวกันก็มีผู้บริโภคไทยจำนวนไม่น้อยที่ซื้อสินค้าจากอินโดนีเซีย ทั้งนี้การซื้อขายระหว่าง 2 ประเทศ แม้จะเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจแต่ก็เป็นความท้าทายใหม่ ๆ เช่นกัน เนื่องจากเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้น เช่น ได้รับของไม่ตรงปก หรือสินค้าชำรุดเสียหาย ผู้บริโภคไม่รู้ว่าต้องไปร้องเรียนที่ไหน

“เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเซ็น MOU ครั้งนี้ เพราะสภาผู้บริโภค และ YLKI มีความร่วมมือที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการร้องเรียนเท่านั้น แต่รวมถึงการศึกษาค้นคว้าและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค หวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภคไทยและอินโดนีเซีย” นิธิ ระบุ

หลังจากการลงนามความร่วมมือ สภาผู้บริโภคและ YLKI ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลและปัญหาในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค โดยภาพรวมของปัญหาที่ทั้ง 2 ประเทศเผชิญนั้นใกล้เคียงกัน โดยปัญหาอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคต้องเจอเป็นหนึ่ง คือ ปัญหาเรื่องมิจฉาชีพ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการกู้เงินนอกระบบ การซื้อขายออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) และปัญหาการสื่อสาร เช่น เรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ การแลกเปลี่ยนข้อมูลและรายละเอียดของปัญหา จะนำไปสู่การพัฒนาและยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคของทั้ง 2 ประเทศต่อไป