
เมืองยั่งยืนและเป็นธรรม (sustainable and just cities)
เมืองที่เป็นธรรม หรือ Just City ไม่ใช่นโยบายในระดับสภาผู้บริโภคเท่านั้น แต่เป็นแนวโน้มของโลกที่จะลดปัญหาเรื่องของการเจ็บตายบนถนน การรักษาสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการออกแบบและสร้างระบบขนส่งสาธารณะที่สอดคล้องกับ Sustainable Development Goals หรือ SDG เป็นเป้าหมายเกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นมติร่วมกันของ 193 ประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติที่ต้องทำให้ได้ภายในปี 2030 เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปพร้อมกัน โดยเป็นการพัฒนาที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายหรือดึงทรัพยากรในอนาคตมาใช้
ในความเป็นจริงแล้วคำว่าเมืองที่เป็นธรรมนั้นกว้างมาก แต่สภาผู้บริโภคกำหนดเป้าหมายและแบ่งประเด็นของเมืองที่เป็นธรรมออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ ด้านการขนส่งและยานพาหนะ ด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย และด้านบริการสารณ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เห็นเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อน ทั้งยังเป็นประเด็นที่มีความสอดคล้องและสามารถผลักดันควบคู่กันไปได้
ด้านการขนส่งและยานพาหนะขนส่ง
“ขนส่งสาธารณะทุกคนขึ้นได้ทุกวัน”
ปัจจุบันระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการพัฒนาและสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้ดี แต่ในหลายพื้นที่ต่างจังหวัดกลับพบปัญหาขาดแคลนบริการที่มีคุณภาพ เช่น “รถน้อย คอยนาน ราคาแพง” หรือบางพื้นที่ไม่มีบริการเลย ซึ่งเกิดจากการขาดการสนับสนุนด้านนโยบายขนส่งสาธารณะในระดับจังหวัด และความไม่ชัดเจนของบทบาทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดบริการให้กับประชาชน การขาดการเข้าถึงขนส่งสาธารณะจึงไม่ใช่แค่ปัญหาการเดินทาง แต่ยังสะท้อนปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการดำเนินมาตรการของรัฐในการทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม
ด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย
“ผังเมืองที่ดี…ชีวิตที่ใช่”
การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนควรมีการวางผังเมืองที่ทุกคนมีส่วนร่วม ซึ่งหมายถึงการเปิดโอกาสให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถแสดงความคิดเห็นและร่วมออกแบบเมืองในรูปแบบที่ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงหรือถูกมองข้าม การมีส่วนร่วมในการวางผังเมืองจะช่วยให้การพัฒนาเมืองไม่เพียงแต่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและความเป็นธรรมสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของที่อยู่อาศัย การเดินทาง หรือพื้นที่สาธารณะ ซึ่งจะช่วยสร้างเมืองที่ทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานได้อย่างเท่าเทียม
ด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
“หยุดสำรองไฟล้นระบบ”
การพัฒนาพลังงานที่เป็นธรรมหมายถึงการใช้พลังงานที่สามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนในสังคม โดยไม่แบ่งแยกหรือสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงราคา การจัดหา หรือการใช้ประโยชน์ ทั้งนี้ ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งในปัจจุบันที่เป็นสาเหตุของ “ค่าไฟแพง” คือการสำรองไฟฟ้าที่ล้นระบบ มีมากเกินไป ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านั้นถูกเปลี่ยนมาอยู่ในบิลค่าไฟของพวกเราทุกคนในรูปแบบของค่า Ft อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : สำรองไฟฟ้ามากเกินจำเป็น คือ ต้นเหตุค่าไฟแพง นอกจากนี้ การส่งเสริมการใช้พลังงานจากแหล่งที่ยั่งยืน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม หรือพลังงานชีวมวล จะช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน อีกทั้งยังช่วยลดต้นทุนพลังงานในระยะยาว สร้างโอกาสให้ทุกคนในสังคมสามารถเข้าถึงพลังงานที่สะอาดและยั่งยืนได้อย่างเป็นธรรม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
