‘คลื่นความถี่’ สมบัติชาติ = สิทธิผู้บริโภค ชวนย้อนดูข้อเรียกร้องสภาผู้บริโภค ขอชะลอประมูลคลื่นฯ
การประมูลคลื่นความถี่ อาจฟังดูเป็นเรื่องเทคนิคเฉพาะทางที่ไกลตัว แต่ในความจริงแล้ว คลื่นความถี่เหล่านี้คือทรัพยากรของชาติ ที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพและค่าบริการโทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต รวมถึงสิทธิการสื่อสารในชีวิตประจำวันของเราทุกคน
ด้วยเหตุนี้ สภาผู้บริโภคจึงออกมาเคลื่อนไหว เพื่อขอให้ชะลอและทบทวนหลักเกณฑ์ของการประมูลคลื่นความถี่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีระยะเวลาผูกพันในสัญญายาวนานถึง 15 ปี และอาจนำไปสู่การผูกขาดโดยผู้ให้บริการรายใหญ่ไม่กี่ราย โดยที่ประชาชนไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ซึ่งเป็นสมบัติของชาติอย่างแท้จริง
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 สภาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือและข้อเรียกร้องต่อหลายหน่วยงาน ทั้งคณะกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายกรัฐมนตรี และที่พึ่งสุดท้าย คือศาลปกครอง เพื่อขอให้ตรวจสอบกระบวนการประมูลคลื่นฯ รวมทั้งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะอย่างรอบด้าน
แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชนขอให้ชะลอการประมูลคลื่นฯในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ แต่กระบวนการจัดประมูลยังคงเดินหน้าต่อด้วยความเร่งรีบ โดยไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลหลักเกณฑ์ให้สาธารณชนเข้าใจอย่างชัดเจนถึงข้อสังเกตต่าง ๆ ทั้งการผูกขาดตลาดโดยผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมเพียงไม่กี่ราย คุณภาพและราคาค่าบริการที่เป็นธรรม รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างแท้จริง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 สภาผู้บริโภคได้ยื่นคัดค้านคำชี้แจงของ กสทช. ต่อศาลปกครองอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 พร้อมเตือนว่าหากไม่มีการทบทวนกระบวนการอย่างจริงจัง การประมูลครั้งนี้อาจกลายเป็นการส่งมอบคลื่นสาธารณะให้กับเอกชนไม่กี่ราย โดยไร้หลักประกันว่า คนไทยจะได้เข้าถึงบริการที่มีคุณภาพและราคายุติธรรม
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
- เครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ ยื่นชะลอประมูลคลื่นความถี่
- ศาลไม่รับคุ้มครองชั่วคราว แม้เหลือแค่ 2 รายใหญ่เข้าประมูลคลื่น
กระทั่งถึงวันนี้ 29 มิถุนายน 2568 วันที่การประมูลเกิดขึ้นจริง กสทช.ได้ยกคลื่นความถี่ให้กับเอกชนไม่กี่ราย ท่ามกลางข้อกังวลและคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ ทั้งเรื่องความโปร่งใส ผลกระทบระยะยาว และความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และถึงแม้ศาลปกครองจะยังไม่รับรองการคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของสภาผู้บริโภคก็ตาม แต่การเคลื่อนไหวก็ยังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้
สภาผู้บริโภคยังคงเดินหน้าตรวจสอบต่อถึงการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งเป็นสมบัติของชาติครั้งนี้ต่อไป ทั้งในแง่ข้อมูล ผลการประมูล และเงื่อนไขที่ตามมา พร้อมทั้งสะท้อนเสียงจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้การจัดสรรทรัพยากรของชาติในอนาคตให้เป็นไปอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และคำนึงถึงสิทธิของผู้บริโภคอย่างแท้จริง
