ช่วงนี้หลายคนคงเคยเห็นหรือได้ยินเรื่องการ สแกนม่านตา เพื่อแลกกับเงินหลักพันบาทกันมาบ้างแล้วใช่ไหม? ฟังดูสะดวกสบายและน่าสนใจ… แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเข้าร่วม สภาผู้บริโภคอยากชวนคุณมาดูกันให้ดีก่อนว่า การแลกม่านตากับเงิน 1,000 บาทนั้น คุ้มจริงหรือไม่
“ม่านตา” กุญแจสู่ตัวตนดิจิทัลที่เปลี่ยนไม่ได้
รู้หรือไม่ว่า ม่านตา ของเราไม่ได้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของดวงตา แต่เป็นข้อมูลชีวภาพที่ไม่ซ้ำใครที่สุดในโลก และมีความแม่นยำสูงมากจนยากจะปลอมแปลงได้ เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่สามารถใช้ยืนยันตัวตนของเราได้อย่างไร้ข้อกังขา ลองคิดดูว่าม่านตาของคุณสามารถใช้เข้าถึงบัญชีธนาคาร ทำธุรกรรมทางการเงิน เข้าถึงข้อมูลลับ หรือแม้แต่ในอนาคต อาจถูกใช้ระบุตัวตนของคุณได้ทั่วโลกคำถามคือ ถ้ากุญแจสำคัญนี้หลุดไป จะเปลี่ยนมันได้ไหม? คำตอบคือไม่ได้ ซึ่งนี่คือความต่างที่สำคัญกับรหัสผ่านที่เราเปลี่ยนได้เสมอ
“ความสะดวก” ที่มาพร้อม “ความเสี่ยง”
แน่นอนว่าความสะดวกสบายจากเทคโนโลยีเป็นเรื่องดี แต่ทุกอย่างก็ย่อมมีอีกด้านเสมอ หากตัดสินใจให้ข้อมูลม่านตาไปแล้ว สิ่งที่อาจต้องเผชิญ คือ
- ควบคุมยาก เมื่อให้ข้อมูลไปแล้ว เราอาจจะควบคุมได้ยากว่าข้อมูลม่านตาจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ไหน ใครมีสิทธิ์เข้าถึง และจะถูกนำไปใช้อะไรบ้างในอนาคต
- รั่วไหลถาวร หากฐานข้อมูลของแพลตฟอร์มนั้น ๆ ถูกโจมตีและข้อมูลเกิดรั่วไหลขึ้นมา ข้อมูลม่านตาจะหลุดออกไป และถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้เรื่อย ๆ
- ท้าทายกฎหมา แม้ประเทศไทยจะมีพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่คอยคุ้มครองสิทธิของเรา แต่การบังคับใช้กฎหมายกับข้อมูลชีวภาพที่ละเอียดอ่อนและเกี่ยวข้องกับแอปพลิเคชันระดับโลกนั้น ยังคงมีความท้าทายและต้องการความชัดเจนอีกมาก
ปกป้อง “ตัวตน” ก่อนจะสายเกินไป
ในโลกดิจิทัลปัจจุบัน ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมีค่ามหาศาล โดยเฉพาะข้อมูลชีวภาพอย่างม่านตา การแลกกุญแจสู่ตัวตนของคุณกับเงินเพียง 1,000 บาท จึงเป็นสิ่งที่คุณต้องคิดให้ถี่ถ้วนที่สุด
ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจสแกนม่านตา หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญใด ๆ แก่แอปพลิเคชันใด ๆ ก็ตาม ขอแนะนำให้ ศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ เสมอ ลองตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของข้อมูล และตระหนักถึงมูลค่าที่แท้จริงของข้อมูลส่วนตัว เพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงที่มองไม่เห็นในโลกดิจิทัล
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
