
เทคโนโลยีใหม่สแกนม่านตาแลกเหรียญดิจิทัลมูลค่า 1,000 บาท เฝ้าระวังม่านตาเป็น ข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลชีวภาพที่มีความสำคัญสูงสุด การยินยอมเข้าระบบสแกนจึงต้องรอบคอบ แม้เจ้าของเทคโนโลยีอ้างไม่เก็บข้อมูล ผู้บริโภคต้องตระหนักสิทธิ “ปกป้องตัวเอง”
ในยุคที่ข้อมูลคืออำนาจ การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่กับ “ระบบยืนยันตัวตนผ่านสแกนม่านตา” เพื่อยืนยันตัวตนว่า “เป็นมนุษย์จริง” หรือเรียกว่า Proof of Personhood แต่ไม่มีการเปิดเผยชื่อและนามสกุล โดยใช้ ข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลชีวภาพของผู้สมัครและเมื่อยินยอมสแกนม่านตา ผู้สมัครจะได้รับ “เหรียญดิจิทัล” ซึ่งคิดมูลค่าเงินบาทประมาณ 1,000 บาท เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ในการยืนยันตัวตนเข้าใช้บริการระบบต่างๆ ของแอปพลิเคชันที่มีการเชื่อมกับระบบไว้
เสียงจากผู้เชี่ยวชาญข้อมูลชีวภาพ คือความลับเฉพาะตัว
ดร.ปริญญา หอมเอนก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) และ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) หรือ PDPC กล่าวว่า การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่กับ “ระบบยืนยันตัวตนผ่านการสแกนม่านตา” เพื่อเก็บข้อมูลส่วนบุคคลแบบเฉพาะเจาะจง พร้อมเชิญชวนทุกคนให้เข้ามาใช้บริการและสามารถได้รับเหรียญดิจิทัล โดยเมื่อแปลงเป็นเงินบาทจะมีมูลค่าประมาณ 1,000 บาทนั้น อยากให้ผู้ที่สนใจใช้บริการได้ศึกษาข้อมูลทุกอย่างรอบด้าน เนื่องจากม่านตาที่ถือเป็นข้อมูลชีวภาพของแต่ละบุคคลที่มีความสำคัญสูงสุด ทำให้ผู้สนใจใช้บริการต้องติดตามข้อมูลทุกอย่างทั้งผลดีและข้อควรระวังให้รอบคอบ
ประเด็นต่อมาระบบนี้รายงานว่าเมื่อสแกนม่านตาแล้วจะแปลงข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบเฉพาะเจาะจงของแต่ละบุคคลเพื่อเก็บเป็นโค้ดไว้โดยเฉพาะ แต่ไม่มีการจัดเก็บข้อมูลไว้ในระบบถาวร จึงต้องประเมินว่าการเก็บข้อมูลทุกอย่างมีความปลอดภัยเพียงใด รวมถึงประเมินความเสี่ยงป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล รวมถึงพิจารณาถึงความจำเป็นที่ต้องใช้ระบบสแกนม่านตาในการทำธุรกรรมและการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันต่างๆ เนื่องจากในปัจจุบันระบบนิเวศ (อีโคซิสเต็ม) ของการให้บริการสแกนม่านตาในไทย อาจยังไม่ได้ครอบคลุมกับการให้บริการต่างๆ เช่น อาจรองรับการเข้าใช้บริการซื้อตั๋วคอนเสิร์ต เป็นต้น ดังนั้น การเข้าไปสแกนม่านตาเพื่อเข้าไปในระบบและสามารถจองตั๋วคอนเสิร์ตได้มีความจำเป็นระดับใด หรือมีการเชื่อมต่อบริการต่าง ๆ ใหม่ ช่วยดึงดูดความสนใจเข้าไปใช้บริการหรือไม่

แจกเงิน เชิญเพื่อน ใช้กลยุทธ์จูงใจ แลก ข้อมูลส่วนตัว
อีกประเด็นที่ต้องติดตามกับการคำเชิญชวนเข้ามาสมัครใช้บริการ พร้อมให้ผลตอบแทนที่สามารถแลกกลับมาเป็นเงินบาทมูลค่าประมาณ 1,000 บาท มีความน่าสนใจระดับใด เนื่องจากการเชิญชวนเข้าสมัครใช้บริการและแจกเงินให้แก่ผู้สมัครด้วยอาจยังไม่ค่อยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งประเทศไทยมีรายงานว่าจะชวนมาสมัครให้ได้ประมาณ 1 ล้านคน และหากคิดเป็นเงินไทยจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทถือเป็นการลงทุนที่ใช้งบสูงมาก รวมถึงระบบได้มีการเชิญชวนให้ผู้ที่สนใจสมัครเข้ามาใช้การ จะสามารถชวนเพื่อนเข้ามาสมัครได้อีก 10 คน และได้รับค่าเชิญชวนคนละ 500 บาท ดังนั้นหากสามารถชวนเพื่อนได้ครบ จึงได้เงินเพิ่มถึง 5,000 บาท
นอกจากนี้เมื่อสำรวจระบบการใช้บริการและมีการสแกนม่านตาแล้วเพื่อเก็บข้อมูลชีวภาพของแต่ละบุคคลนั้น ยังไม่มีภาคเอกชนใดที่ให้บริการและให้ยืนยันตัวตนผ่านรูปแบบนี้มาก่อน เนื่องจากข้อมูลชีวภาพที่มีความสำคัญและมีความอ่อนไหวสูง ทำให้การยืนยันตัวตนในประเทศไทยส่วนใหญ่ใช้แนวทางการสแกนใบหน้าเป็นหลัก
ระบบสแกนม่านตา ภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คิดให้รอบคอบ
การใช้บริการของแอปสแกนม่านตา ที่อยู่ภายใต้กฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือกฎหมาย PDPA ซึ่งเป็นกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) โดยในเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการสแกนม่านตา จะอยู่ภายใต้มาตรา 26
ดังนั้นการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ที่มีทั้งข้อที่เป็นประโยชน์และในอีกด้านก็มีปัจจัยที่ต้องพิจารณา โดยหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกำลังติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
“อีโคซิสเต็ม” ของการสแกนม่านตาในไทยยังไม่แพร่หลาย
การจัดทำระบบสแกนม่านตานั้น เมื่อไปประเมินการพัฒนาระบบที่มีเป้าหมายการสร้าง อีโคซิสเต็ม เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันต่างๆ โดยผู้พัฒนากำลังดำเนินการและมีการเชื่อมต่อไปถึงระบบการจ่ายเงิน (payment) ในสำหรับใช้บริการ ส่งผลผู้ให้บริการระบบจ่ายเงินของแอปพลิเคชันในประเทศไทยมีคู่แข่งเข้ามาในตลาดมากขึ้น
“ในปกติการสมัครเข้าใช้บริการต่างๆ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีเรื่องการแจกเงินเข้ามาเชิญชวน จึงอยากให้ประชาชนที่สนใจพิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีความจำเป็นต้องใช้บริการมากเพียงใด แต่ไม่ควรมองเพียงผลประโยชน์ตอบแทนซึ่งหน้าเท่านั้น”
ท้ายที่สุดก่อนตกลง สแกนม่านตา…ผู้บริโภคควรถามว่า “ปลอดภัยระดับใด?”รวมถึงอย่าให้เทคโนโลยี ดิจิทัลที่มาเร็วเข้ามากระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล และไม่มองเพียงผลตอบแทนระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีใหม่กับระบบยืนยันตัวตนผ่านการสแกนม่าน เป็นการพัฒนามาจากประเทศสหรัฐฯ ร่วมพัฒนาระบบ “ยืนยันว่าเป็นมนุษย์” ผ่านระบบสแกนม่านตา เมื่อผ่านการสแกนแล้วจะไม่มีการเก็บม่านตาไว้ แต่ใช้วิธีการแปลงม่านตาให้เป็นโค้ดเข้ารหัสที่แตกต่างกันเพื่อร่วมพัฒนาว่าผู้ใช้เป็นมนุษย์จริง ซึ่งโค้ดรหัสจะถูกจัดเก็บไว้ในโทรศัพท์ภายในแอปฯ ของผู้ใช้งาน เพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบแอปฯ หรือบริการออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อการทำธุรกรรมและใช้บริการต่าง ๆ มีความสะดวก ซึ่งมีเป้าหมายร่วมป้องกันดีปเฟค (Deepfake) และสร้างความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์ รวมถึงช่วยแยกบอทออกจากคน ร่วมป้องกันบอทเข้าไปใช้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น การใช้บริการจองตั๋วคอนเสิร์ต เป็นต้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง