เหนือรางวัลคือการเป็นที่พึ่ง! ประจวบฯ เดินหน้าช่วยผู้บริโภคด้วยหัวใจ และ AI

Getting your Trinity Audio player ready...

“ตลอดปีงบประมาณ 2568 ทีมงานทำหน้าที่ทั้งรับฟัง แก้ไข และผลักดันข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ทุกความสำเร็จไม่ได้เกิดจากโชคช่วย แต่จากความตั้งใจจริงและความทุ่มเทที่ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง นี่คือบทพิสูจน์ว่า องค์กรภาคประชาชนสามารถเป็นที่พึ่งและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมได้อย่างแท้จริง”

นับว่าเป็นก้าวสำคัญของงานคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุม 5 สคบ. กรุงเทพมหานคร นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้เป็นประธานในพิธีมอบโล่รางวัลอันทรงเกียรติ องค์กรผู้บริโภคคุณภาพ ประจำปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเชิดชูและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค โดยในปีนี้ศูนย์ประสานงานหลักประกันสุขภาพประชาชน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือที่รู้จักในฐานะ หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สภาผู้บริโภค ได้รับคัดเลือกให้เป็นองค์กรในระดับ ยอดเยี่ยม จากผลงานที่โดดเด่นและสม่ำเสมอในตลอดปีงบประมาณ 2568 นอกจากนี้ยังมีอีก 2 องค์กรที่ได้รับรางวัล ได้แก่ ระดับดีเด่น ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดน่าน (หน่วยงานประจำจังหวัดน่าน) และ ระดับมาตรฐาน องค์กรคุ้มครองผู้บริโภคตำบลละลม จังหวัดศรีสะเกษ ที่เป็นองค์กรสมาชิกลำดับที่ 319 ของสภาผู้บริโภค

รางวัลนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากความทุ่มเทของทีมงานและผลการดำเนินงานที่ชัดเจน โดยเฉพาะการเป็นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันนโยบายสำคัญ หรือการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาร้องเรียนรายวัน ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ขององค์กรในการทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ในโอกาสอันดีนี้ นางสาวธนพร บางบัวงาม หัวหน้าหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และคณะ ยังได้ยื่น ข้อเสนอนโยบายการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระดับจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้านการเงินการธนาคาร ต่อเลขาธิการ สคบ. โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหา สัญญาที่ไม่เป็นธรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินเชื่อที่ดินและรถยนต์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วน การยื่นข้อเสนอนี้ตอกย้ำถึงบทบาทของสภาผู้บริโภคในการเป็น นักรบภาคประชาชน ที่ไม่เพียงแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายเพื่อความเป็นธรรมที่ยั่งยืน

ปัญหาเรื่องสายสื่อสารรกรุงรัง ภัยเงียบ ที่คุกคามชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาอย่างยาวนาน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เองก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน แต่ด้วยความร่วมมืออันเข้มแข็งของหน่วยงานต่าง ๆ ปัญหาที่ดูเหมือนจะแก้ไขยากนี้กำลังจะถูกสะสางอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2568 หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้เข้าร่วมประชุมกับสำนักงาน กสทช. เขต 45 เพื่อหารือและเตรียมพร้อมสำหรับ แผนการจัดระเบียบสายสื่อสาร ใน 19 เส้นทางหลัก ครอบคลุม 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง, อำเภอกุยบุรี, อำเภอปราณบุรี และอำเภอบางสะพาน แผนการครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเก็บสายให้เป็นระเบียบ แต่เป็นการยกระดับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมทั้งระบบ โดย กสทช. ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อใช้ในการดำเนินการ ซึ่งเป็นผลมาจากการรวบรวม ฐานข้อมูลสายสื่อสารไม่ปลอดภัย ที่หน่วยงานประจำจังหวัดได้ขับเคลื่อนและผลักดันเข้าสู่แผนการจัดระเบียบสายสื่อสารแห่งชาติ (พ.ศ. 2568-2569)

ความมุ่งมั่นของหน่วยงานประจวบคีรีขันธ์ ที่จะจัดการกับภัยเงียบนี้เกิดขึ้นจากกรณีศึกษาที่น่าสลดใจหลายกรณี ซึ่งเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว 12 สิงหาคม 2568 ณ ถนนมหาราช หน้าสถานีรถไฟแห่งใหม่ กรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวสองคนซึ่งเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อไปทำธุระส่วนตัว ในเสี้ยววินาทีนั้น สายสื่อสารที่ดูไม่เป็นอันตรายกลับกลายเป็นกับดักที่พันเข้ากับล้อรถจักรยานยนต์อย่างรวดเร็ว ทำให้รถเสียหลักและล้มลงอย่างแรง แรงกระแทกส่งผลให้ผู้ประสบเหตุทั้งสองได้รับบาดเจ็บ มีบาดแผลถลอกและอาการปวดข้อเท้า โดยเฉพาะพนักงานคนหนึ่งซึ่งได้รับบาดเจ็บหนักที่ขาจนไม่สามารถเดินได้ชั่วคราว ต้องหยุดพักงานตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ  

เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงอุบัติเหตุทั่วไป แต่เป็นสัญญาณเตือนที่ดังขึ้นถึงความบกพร่องในการดูแลโครงสร้างสาธารณูปโภค หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เข้าช่วยเหลือและดำเนินการอย่างทันท่วงที พวกเขารวบรวมข้อเท็จจริง สอบสวนที่มาของสายสื่อสาร หลังจากนั้นจึงเริ่มกระบวนการเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยในขั้นตอนต่อไปจะเป็นการออกหนังสือเชิญไกล่เกลี่ยระหว่างบริษัทผู้ให้บริการกับผู้เสียหาย เพื่อให้ได้รับความเป็นธรรมอย่างรวดเร็ว

นี่เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่เกิดขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายน ก็เคยเกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันกับหนุ่มวัย 17 ปี ที่ถูกสายเคเบิลพาดคอขณะขี่รถจักรยานยนต์จนได้รับบาดเจ็บรุนแรง เหตุการณ์เหล่านี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าการจัดการสายสื่อสารที่รกรุงรังเป็นเรื่องเร่งด่วนและจำเป็นต้องมีแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุมในระยะยาว

เมื่อหันมามองตัวเลข จะเห็นว่าผลงานของหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้มีเพียงแค่การจัดการเรื่องสายสื่อสารเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมปัญหาของผู้บริโภคในทุกมิติ ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากสถิติการรับเรื่องร้องเรียนในเดือนสิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 211 เรื่อง และสามารถ“ยุติปัญหาได้สำเร็จถึง 194 เรื่อง คิดเป็นอัตราความสำเร็จสูงถึง 91.94% แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพและความมุ่งมั่นของทีมงานในการช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ยอดความเสียหายที่สามารถช่วยไกล่เกลี่ยได้มีมูลค่ารวมสูงถึง 2,101,862 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันถึงความคุ้มค่าของการมีองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นที่พึ่งของผู้บริโภคในพื้นที่ โดยเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดคือเรื่อง สินค้าและบริการ (191 เรื่อง) รองลงมาคือ การสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ (14 เรื่อง) ซึ่งสถิติเหล่านี้เป็นเครื่องชี้วัดที่สำคัญว่าหน่วยงานประจำจังหวัดฯ สามารถตอบสนองต่อปัญหาของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคที่มีต่อหน่วยงานยังอยู่ในระดับ “ดีมาก” และเป็นหน่วยงานที่ได้รับยอดการตอบประเมินมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ทุกไตรมาส ซึ่งถือเป็นรางวัลจากใจผู้บริโภคที่มาช่วยยืนยันความสำเร็จอีกชั้นหนึ่ง

นอกจากความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างแล้ว หัวใจสำคัญของการทำงานของหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือการเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนที่ต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรมอย่างใกล้ชิดและเข้าอกเข้าใจ ทางหน่วยตระหนักดีว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมีกำลังทรัพย์ในการว่าจ้างทนายความเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้บริการ ศุกร์นี้พบทนาย จึงเกิดขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นแสงสว่างที่ปลายทาง สำหรับผู้ที่ขาดโอกาส โดยทีมทนายความผู้เชี่ยวชาญมาร่วมให้คำปรึกษาทางกฎหมายแบบไม่มีค่าใช้จ่ายทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 16.00 น. ณ สำนักงานของหน่วยงานฯ เลขที่ 1/42 – 1/43 หมู่บ้านเตชินี 5 ถนนมหาราช ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77000

บริการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการให้คำแนะนำทั่วไป แต่เป็นการเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้บริโภคสามารถเข้ามาเล่าปัญหา ระบายความกังวล และได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัญญากู้ยืมที่ไม่เป็นธรรม การซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่ถูกหลอกลวง หรือปัญหาการถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการและปัญหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสิทธิผู้บริโภคทั้ง 9 ด้าน ถือเป็นการส่งมอบความยุติธรรมในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย

นอกจากความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาแล้ว หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาศักยภาพของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสื่อสารและการสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อเตือนภัยผู้บริโภค จากเดิมที่มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว ทีมงานได้ต่อยอดความรู้และเทคนิคใหม่ ๆ จากโครงการอบรม “พัฒนาการสื่อสารผ่าน AI ยกระดับการสร้างคอนเทนต์ สภาผู้บริโภค”  ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ทีมงานประจวบฯ ได้นำความรู้ที่สั่งสมมาผนวกเข้ากับเทคนิคขั้นสูงที่ได้เรียนรู้เพิ่มเติม ทำให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานแจ้งเตือนภัยที่ทั้งน่าสนใจ เข้าใจง่าย และมีความเป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้คือคอนเทนต์บนช่อง TikTok ที่ชื่อ tccprachuap ผู้บริโภคประจวบ (@tccprachuap) ซึ่งมีการนำ AI มาใช้สร้างภาพ เสียง และกราฟิกประกอบเนื้อหาได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “5 เช็กลิสต์ เลือกหมวกกันน็อกให้ปลอดภัยก่อนสตาร์ท!” หรือ “ป้ายสินค้าหลอกตา” ที่ช่วยให้ผู้บริโภคเห็นภาพปัญหาได้ชัดเจนขึ้น หรือแม้แต่เรื่อง “เช่ารถเที่ยว ให้ปลอดภัย” ที่สร้างตัวละครเสมือนให้เห็นเรื่องที่เราอาจเจอหน้างาน ได้เข้าใจขั้นตอนและข้อควรระวัง ทำให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างปลอดภัยและไม่ถูกหลอก เป็นรูปแบบที่กระชับและดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดี

นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หน่วยงานสามารถปฏิบัติภารกิจในการคุ้มครองผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายผู้บริโภคทั่วประเทศ

และปัจจุบันหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ดูแลองค์กรสมาชิกทั้งหมด 12 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 8 อำเภอ และ 4 ตำบลทั่วจังหวัด ได้แก่
1. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
2. องค์กรคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตำบลทองมงคล อำเภอบางสะพาน
3. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
4. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
5. องค์กรคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตำบลคลองวาฬ
6. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
7. องค์กรคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตำบลปากน้ำปราณ
8. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอกุยบุรี
9. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอปราณบุรี
10. องค์กรคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคตำบลบ่อนอก
11. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอสามร้อยยอด
12. ศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคอำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

องค์กรสมาชิก สภาผู้บริโภค ทั้ง 12 แห่งนี้ ถือเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนงานคุ้มครองผู้บริโภคให้เข้าถึงระดับชุมชน และเชื่อว่าการมีผู้นำที่เข้มแข็งอย่างหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะช่วยสร้างกลไกการทำงานให้สมาชิกสามารถลงมือปฏิบัติได้อย่างมั่นใจและเต็มกำลัง

สำหรับผู้บริโภคในพื้นที่หากต้องการคำปรึกษาหรือร้องเรียน ติดต่อหน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้ที่