
เต็นท์มือสองขายรถชำรุด สภาผู้บริโภคช่วยผู้บริโภคชนะคดี สุดท้ายเต็นท์ยอมซื้อคืนรถ พร้อมจ่ายชดเชยผู้บริโภครวมกว่า 5.7 แสน
ในปัจจุบันรถยนต์มือสองจำนวนมากออกมาสู่ตลาดและมีราคาไม่สูง จึงเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคหันมาเลือกซื้อรถยนต์มือสองเพิ่มมากขึ้น แต่การซื้อรถมือสองมีความเสี่ยงได้รถชำรุดอาจถูกปกปิดโดยเต็นท์ เช่นกรณีผู้บริโภคที่เลือกซื้อรถยนต์มือสองยี่ห้อดังจากเต็นท์รถในกรุงเทพมหานคร แต่หลังใช้งานกลับพบความชำรุดบกพร่องทั้งอาการสะดุดและเสียงผิดปกติ อีกทั้งยังตรวจพบว่าอะไหล่ชิ้นส่วนสำคัญของรถถูกตัดออก จนนำไปสู่การร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภคเพื่อให้เข้ามาช่วยเหลือดำเนินการทางกฏหมายที่นำมาสู่การฟ้องร้อง และไกล่เกลี่ยหลังฟ้องโดยเต็นท์รถยอมซื้อรถคืน และจ่ายค่าชดเชย
สุรกิจ สิงหะพล เจ้าหน้าที่กฎหมายและคดี สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า จุดเริ่มต้นมาจากผู้บริโภคในต่างจังหวัดซื้อรถยนต์มือสองยี่ห้อดังจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง แต่หลังใช้งานไม่นานพบว่ารถมีอาการสะดุดและมีเสียงผิดปกติ เมื่อผู้บริโภคแจ้งพนักงานขาย กลับถูกปฏิเสธโดยอ้างว่ารถอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสามารถใช้งานได้ตามปกติ ต่อมาผู้บริโภคได้นำรถเข้าตรวจสอบโดยศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือ พบว่าอะไหล่ชิ้นส่วนสำคัญของระบบรถยนต์ถูกตัดออก ซึ่งสร้างความกังวลต่อความปลอดภัยและความสมบูรณ์ของรถ ผู้บริโภคจึงตัดสินใจร้องเรียนเข้ามาที่หน่วยงานประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สภาผู้บริโภค เพื่อให้ช่วยเหลือดำเนินการ
“เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียน เจ้าหน้าที่ของสภาผู้บริโภคได้ตรวจสอบสภาพรถ พบว่ามีความชำรุดจริงและขาดชิ้นส่วนสำคัญ จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งภาพถ่าย วิดีโอ และผลการตรวจสอบจากศูนย์บริการ ก่อนเข้าสู่กระบวนการเจรจาและฟ้องคดีเพื่อปกป้องสิทธิของผู้บริโภค” สุรกิจ กล่าว
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคได้พยายามเจรจาในหลายขั้นตอน ทั้งในชั้นหน่วยงานและการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง แต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทำให้ต้องนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการศาล โดยได้ยืนยันข้อเรียกร้องอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้บริษัทผู้ขายต้องรับผิดชอบ ทั้งนี้บริษัทผู้ขายยังคงปฏิเสธโดยอ้างว่า ผู้บริโภคใช้รถมาเกือบ 2 ปี จึงอาจถือเป็นการยอมรับสภาพรถแล้ว
สุรกิจ อธิบายว่า แม้ผู้บริโภคจะใช้รถมานานเกือบ 2 ปี ซึ่งเป็นข้อจำกัดทางคดี แต่สภาผู้บริโภคได้ใช้เทคนิคทางกฎหมายพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่าความบกพร่องของรถเกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนการส่งมอบและไม่เป็นไปตามที่โฆษณา กระทั่งหลังการยื่นฟ้องสามารถไกล่เกลี่ยจนบรรลุข้อตกลง โดยบริษัทเต็นท์รถมือสองยอมรับข้อเสนอของผู้บริโภคในการซื้อคืนรถยนต์ พร้อมจ่ายชดเชยแก่ผู้บริโภค จำนวน 415,919.16 บาท และจ่ายเงินเพิ่มเติมอีกกว่า 154,083.84 บาท ทั้งหมดเป็นมูลค่ากว่า 570,003 บาท ถือเป็นผลสำเร็จในการคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค และเป็นตัวอย่างสำคัญของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างความเป็นธรรมในตลาดรถยนต์มือสอง
สำหรับข้อแนะนำแก่ผู้บริโภคที่อาจเจอปัญหาในการซื้อรถมือสอง ขอเน้นย้ำว่า ควรรีบเก็บหลักฐานให้ครบถ้วน ทั้งภาพถ่าย วิดีโอ หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งข้อบกพร่องต่อผู้ขายเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีสัญญาเช่าซื้อ ต้องแจ้งบริษัทไฟแนนซ์ควบคู่ด้วยเพื่อให้มีการรับผิดชอบร่วมกัน นอกจากนี้ควรนำรถเข้าตรวจสอบที่ศูนย์บริการที่เชื่อถือได้ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ หากผู้บริโภคถูกละเมิดสิทธิ สามารถร้องเรียนผ่านสายด่วนผู้บริโภค 1502 หรือ เว็บไซต์สภาผู้บริโภค
สุรกิจทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญคือผู้บริโภคต้องไม่ยอมแพ้ในการเรียกร้องสิทธิ หากถูกละเมิดสามารถติดต่อหน่วยงานเพื่อขอความช่วยเหลือได้ สภาผู้บริโภคพร้อมเป็นที่พึ่งของประชาชนในการปกป้องสิทธิอย่างเต็มที่


