
ตำรวจบุกทลายโรงงาน ซีอิ๊ว – กาแฟ ปลอมยี่ห้อดัง ยึดของกลางเกือบสองแสนชิ้น สภาผู้บริโภค ชี้สินค้าปลอมเสี่ยงกระจายทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เรียกร้องรัฐเร่งพัฒนา ‘ระบบแจ้งเตือนภัย และ ระบบเรียกคืนสินค้า’ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคไทยตกเป็นเหยื่ออาหารไม่ปลอดภัย
จากกรณีตำรวจสอบสวนกลางเข้าตรวจค้นโรงงานและร้านค้า ลักลอบผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคปลอมเครื่องหมายการค้ายี่ห้อดัง รวม 7 จุด ในพื้นที่จังหวัด ลพบุรี, นนทบุรี, นครปฐม, ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ยึดของกลางได้กว่า 122,000 ชิ้น ประกอบด้วย ซีอิ๊ว – กาแฟ – ผงชูรสปลอม รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิต เช่น สีคาราเมล, กรดอะซิติก, เกลือ และผงชูรสสำหรับผสม ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดได้กว่า 75,000 ชิ้น สินค้าปลอมเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ไม่มีการควบคุมคุณภาพ สภาผู้บริโภคแนะรัฐเร่งทำระบบเตือนภัย เรียกคืนสินค้า ป้องกันผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อ
มลฤดี โพธิ์อินทร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาผู้บริโภค ระบุว่า การตรวจค้นครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ตำรวจสอบสวนกลางเข้าตรวจค้นโรงงาน ทั้งหมด 3 จุด เขตประเวศ กรุงเทพฯ และ 2 จุด ในพื้นที่ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พบ ซีอิ๊ว ซอส กาแฟปลอมยี่ห้อดัง จำนวนทั้งสิ้น 75,635 ชิ้น
อย่างไรก็ตาม การตรวจค้นที่ผ่านมานั้น ไม่มีการระบุชื่อสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคได้เฝ้าระวัง การที่ตรวจยึดสินค้าได้เกือบ 2 แสนชิ้น สะท้อนให้เห็นว่าอาจมีผู้บริโภคในกรุงเทพ และปริมณฑลหลายพื้นที่ ได้รับความเสี่ยงจากสินค้าเหล่านั้น เพราะสินค้าได้กระจายไปทั่วโดยที่ไม่ได้ระบุให้ผู้บริโภคทราบว่ากระจายไปยังที่ใดบ้าง อีกทั้งการไม่มีระบบเรียกคืนสินค้า ทำให้ผู้บริโภคตกอยู่ในความเสี่ยงโดยไม่รู้ตัว
“ตามสิทธิผู้บริโภคแล้วนั้น ผู้บริโภคมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ รวมถึงการได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนตามความเป็นจริง ดังนั้น หากมีการตรวจพบสินค้าปลอมที่อันตรายต่อสุขภาพ ควรเปิดเผยชื่อ เพื่อให้ผู้บริโภคมีข้อมูลสำหรับใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้อย่างถูกต้อง และควรมีระบบเรียกคืนสินค้า ไม่ใช่เพียงการประกาศแจ้งเตือน”
นอกจากนี้ ยังสะท้อนถึงความไม่แน่ชัดของระบบติดตามและเฝ้าระวัง และการกระจายสินค้า ซึ่งการมีระบบเตือนภัย เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย โดยระบบต้องแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีเมื่อตรวจพบผลิตภัณฑ์ที่ไม่ปลอดภัย ที่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพ นอกจากนี้ หากพบว่าผลิตภัณฑ์ใดไม่ปลอดภัย ต้องมีมาตรการเก็บกวาดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวออกจากท้องตลาดโดยเร็วเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภค
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคเองก็ผลักดันแนวทางระบบแจ้งเตือนภัยผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยอย่างจริงจัง ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรภาคประชาชน เพื่อจัดทำแผนความร่วมมือในการผลักดันระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ อาจเป็นก้าวสำคัญของการสร้างระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างปลอดภัย
จึงขอเตือนภัยประชาชนและร้านอาหารทั่วไปให้เพิ่มความระมัดระวังในการเลือกซื้อสินค้าบริโภค โดยให้เลือกจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบฉลาก-ฝา-บรรจุภัณฑ์ให้ตรงตามมาตรฐานก่อนซื้อทุกครั้ง ขณะเดียวกัน ต้องสังเกตฉลากที่ต้องใช้ภาษาไทย พร้อมทั้ง วันผลิต และวันหมดอายุ รวมไปถึงสถานที่ที่ผลิต
หากตรวจพบสินค้าปลอมสามารถแจ้งเบาะแสหรือร้องเรียนได้ผ่านสายด่วน อย. โทร. 1556 สภาผู้บริโภคสามารถร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสภาผู้บริโภค โทร. 1502 หรือร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดใกล้บ้านได้ที่ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง



