Ribbon

จี้ภาครัฐเร่งปิดกั้นเว็บ หลอกคนไทยทำงานมิจฉาชีพ ในประเทศเพื่อนบ้าน

จี้ภาครัฐเร่งปิดกั้นเว็บ หลอกคนไทยทำงานมิจฉาชีพ ในประเทศเพื่อนบ้าน

ประเทศไทยกำลังเผชิญภัย “มิจฉาชีพออนไลน์” หรือ สแกมเมอร์ ที่ขยายเครือข่ายในระดับภูมิภาคมากขึ้น จากการรายงานในปี 2567 ประเทศไทยติดอันดับ 9 ของโลก ที่ประชาชนตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์มากที่สุด สร้างความเสียหายเฉลี่ยกว่า 37,000 บาทต่อคน ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงแต่ละประเทศได้วางแนวทางปราบมิจฉาชีพที่แตกต่างกัน โดยประเทศเกาหลีใต้เดินหน้าปราบปรามสแกมเมอร์อย่างจริงจัง ด้วยการประกาศบล็อกเว็บไซต์โฆษณางานออนไลน์ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน แต่ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการปิดกั้นเว็บไซต์ลักษณะเดียวกัน ทั้งที่ขบวนการหลอกลวงแรงงานไทยผ่านออนไลน์ยังคงระบาดหนัก

สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า จากกรณีของภัยมิจฉาชีพที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะการหลอกลวงในเรื่องทำงานผ่านเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทำให้ประเทศเกาหลีใต้ได้มีการประกาศสั่งปิดกั้นเรื่องโฆษณางานออนไลน์ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียนแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีการปิดกั้นในเรื่องนี้ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เร่งดำเนินอย่างเข้มข้นเหมือนกับต่างประเทศ  เพราะการโฆษณาหางานในเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ ส่วนใหญ่จะให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ จูงใจด้วยรายได้สูงกว่าปกติ รวมถึงไม่ต้องมีประสบการณ์ จึงเป็นการดึงดูดให้คนที่สนใจ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการหารายได้เพิ่มเติม ก็อาจถูกชักจูงไปทำงานในต่างประเทศได้โดยง่าย

“ทั้งนี้เมื่อประเมินในประเทศอื่นๆ เริ่มปิดเว็บหลอกลวง และบล็อกไอพี (IP) จากต่างประเทศที่นำเสนอข้อมูลหลอกลวง ดังนั้นประเทศไทย ก็ไม่ควรนิ่งเฉย เพราะอาจมีคนไทยถูกหลอกทุกวินาทีเข้าสู่วงจรค้ามนุษย์หรือหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายได้” สุภิญญา กล่าว

อย่างไรก็ตาม การบล็อคเว็บหรือระงับการเผยแพร่ข้อมูลบนสื่อออนไลน์ต่างๆ ทั้งเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรือแอปพลิเคชันต่างๆ จะอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) มาตรา 20 โดยดำเนินการผ่านพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ที่ต้องได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ขณะเดียวกันเมื่อประเมินสถานการณ์ปัญหาในเรื่องคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานต่างประเทศ ทำให้ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้ออกประกาศให้ประชาชนที่เคยถูกหลอกลวงให้ไปทำงานใน นิคมไท่จื่อ จังหวัดตาแก้ว ประเทศกัมพูชา หรือมีญาติพี่น้องที่เคยเดินทางไปทำงานดังกล่าว เข้ามาแจ้งข้อเท็จจริงต่อดีเอสไอ เพื่อดำเนินคดีและขยายผลถึงเครือข่ายในประเทศไทยต่อไป

คนไทยถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชา อ้างรายได้สูงเสี่ยงต้องระวัง

อีกทั้งหากย้อนข้อมูลภาพรวมคนไทยที่เรื่องถูกหลอกไปทำงานต่างประเทศ โดยช่วงเดือน ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้ามาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนว่าลูกชายถูกหลอกว่าเป็นการไปทำงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม โดยเสนอให้รายได้สูง ต่อมาถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชาและให้ทำงานผิดกฎหมาย ทำให้ปัจจุบันถูกจับกุมที่กัมพูชา พร้อมระบุว่าปัจจุบันคนไทยถูกหลอกให้ไปทำงานในรูปแบบเดียวกันและถูกจับกุมแล้วถึง 80 คน อีกทั้งมีการรายงานในปี 2567 กับสถิติคนไทยที่ถูกหลอกให้ไปทำงานสายดำในกัมพูชาเพิ่มสูงขึ้น โดยผู้ถูกหลอกจะถูกชักชวนให้ไปทำงานเป็น แอดมิน คอยตอบแชตลูกค้า บางรายถูกหลอกว่าเป็นการไปทำงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม พร้อมให้ข้อมูลจูงใจในการหลอก ทั้งการโฆษณาชักชวนทางออนไลน์ระบุถึงเงินเดือนสูงถึง 25,000–40,000 บาท พร้อมสวัสดิการครบ เช่น ที่พัก อาหารฟรี และโบนัส และหากไม่เป็นงานพร้อมสอนให้ เป็นต้น รวมถึงมีการชักจูงผ่านคนที่รู้จัก และคนที่ชักจูงจะได้รับค่านายหน้าด้วย

อย่างไรก็ตาม ช่องทางในการไปทำงานในต่างประเทศ สามารถเข้าไปค้นหาและตรวจสอบข้อมูลได้ผ่านกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทที่ได้รับอนุญาตถูกต้องจากกรมการจัดหางาน ได้ผ่าน www.doe.go.th/prd/ipd

ที่มาข้อมูล