ร้อง สธ.หามาตรการควบคุม ตรวจสอบอาหารผสม ‘กัญชา’

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) ระบุส่วนของพืชกัญชา กัญชงที่ขายได้เสรี น่าจะยังมีอันตราย ชี้ หากนำ ‘ช่อดอก’ ไปบริโภคโดยไม่มีมาตรการรองรับ อาจไม่ปลอดภัยกับชีวิต เสนอ รมว.สธ.พิจารณาข้อห่วงใย เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

7 มิถุนายน 2565 มลฤดี โพธิ์อินทร์ ผู้ช่วยเลขานุการอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สอบ. กล่าวว่า สอบ.ส่งหนังสือแสดงข้อห่วงใยถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ในประเด็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2565 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ที่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่จะถึงนี้ เนื่องจากพิจารณาเห็นว่า ส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงที่ขายได้อย่างเสรี ไม่ว่าจะเป็นช่อดอก ใบ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก ในทางปฏิบัติน่าจะยังมีอันตราย โดยเฉพาะช่อดอกที่หากนำไปบริโภคหรืออุปโภคโดยไม่มีมาตรการรองรับอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตได้

“หลังจากมีการปลดล็อกกัญชงและกัญชาไม่เป็นยาเสพติด ประเภทที่ 5 จะทำให้มีการนำช่อดอก ใบ เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่งก้าน และรากไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหารเพื่อจำหน่ายอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะช่อดอกที่หากนำไปใช้นั้นอาจก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยได้หรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันเรื่องความปลอดภัยให้กับประชาชน” มลฤดี กล่าว

ผู้ช่วยเลขานุการอนุกรรมการด้านอาหารฯ กล่าวอีกว่า จากประกาศของกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ.2565 ได้กำหนดร้อยละของสารทีเอชซี (Tetrahydrocannabinol : THC) โดยน้ำหนักต่อเมนูเสิร์ฟ และกำหนดปริมาณการใช้ใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู

โดยกำหนดในกลุ่มอาหาร ดังนี้ กลุ่มทอด ไม่เกิน 0.11 ปริมาณใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู 1 – 2 ใบสด (ไข่เจียว ½ – 1 ใบสด) ผัด ไม่เกิน 0.006 ปริมาณใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู 1 ใบสด แกง ไม่เกิน 0.02 ปริมาณใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู 1 ใบสด ต้ม ไม่เกิน 0.02 ปริมาณใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู 1 ใบสด และการผสมในเครื่องดื่ม ไม่เกิน 0.003 ปริมาณใบกัญชาที่แนะนำต่อเมนู 1 ใบสด

ทั้งนี้ จากการกำหนดปริมาณดังกล่าว จึงเกิดคำถามว่าหน่วยงานใดจะเป็นผู้ตรวจสอบสถานประกอบกิจการอาหาร และจะมีวิธีการตรวจสอบอย่างไรว่าอาหารและเครื่องดื่มเหล่านั้นมีสาร THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 หรือไม่ รวมถึงผู้บริโภคจะสามารถตรวจสอบหรือทราบได้อย่างไรว่า ร้านอาหารจะใช้ปริมาณใบกัญชาตามที่ประกาศกรมอนามัยฯ กำหนด  

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่มีข้อห่วงใยเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคอีก ได้แก่ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาโดยที่ไม่มีมาตรการรองรับก่อนนั้น ทั้งการไม่มีมาตรการควบคุมการขายอาหารทางออนไลน์ การขาดการติดตามตรวจสอบและรายงานอย่างเป็นระบบถึงผลกระทบไม่พึงประสงค์จากการบริโภคร่วมกับภาคีต่าง ๆ และภาคประชาสังคม หรือการไม่มีช่องทางรับเรื่องร้องเรียน กรณีผู้บริโภคได้รับผลกระทบในการบริโภคอาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชา หรือแม้กระทั่งการไม่มีมาตรการควบคุมการใช้กัญชา เช่น การกำหนดให้ห้ามจำหน่ายในกลุ่มเด็กต่ำกว่า 18 ปี การกำหนดปริมาณที่ซื้อหรือครอบครอง เป็นต้น


#สภาองค์กรของผู้บริโภค #ผู้บริโภค