เชียร์รัฐ คุมค่ายา กำหนดเพดานค่ารักษา

เชียร์รัฐ คุมค่ายา กำหนดเพดานค่ารักษา

ท่ามกลางกระแสความกังวลของประชาชนเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะจากโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งกลายเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงการรักษาของประชาชน ล่าสุดนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาในการควบคุมราคายาและเวชภัณฑ์ของโรงพยาบาลเอกชน เพิ่มทางเลือกให้ประชาชนยอมรับค่าใช้จ่ายก่อนชำระเงิน และสามารถไปซื้อยาที่ร้านค้านอกโรงพยาบาลได้ สภาผู้บริโภคพร้อมสนับสนุนและเสนอแนวทางกำหนดเพดานราคาเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค

นพ.ขวัญประชา เชียงไชยสกุลไทย อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ สภาผู้บริโภค เปิดเผยว่า สภาผู้บริโภคพร้อมสนับสนุนนโยบายการลดค่ารักษา ยาและเวชภัณฑ์โรงพยาบาลเอกชน ที่ผ่านมาก็ได้ผลักดันเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากการเผชิญค่ารักษาพยาบาล ยาและเวชภัณฑ์ที่สูงเกินจริง โดยที่สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนมาโดยตลอด

เผยเรื่องร้องเรียน ราคาเวชภัณฑ์สูงเกินจริง

ทั้งนี้ ข้อมูลการร้องเรียน ในช่วงปี 2565-2568 สภาผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลแพงจากโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 40 เรื่อง มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 25 ล้านบาท

เปรียบเทียบราคาเวชภัณฑ์ โรงพยาบาลเอกชนและท้องตลาด

มีกรณีตัวอย่าง ที่ผู้บริโภคได้นำใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลจากโรงพยาบาลเอกชน มาร้องเรียนต่อสภาผู้บริโภค โดยพบว่า มีการคิดราคาเวชภัณฑ์สูงเกินจริงหลายรายการ แม้จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่ควรเข้าถึงได้ในราคายุติธรรม

  • น้ำเกลือ 1,000 มิลลิลิตร จากราคาท้องตลาดเพียง 45 บาท ถูกคิดในราคา 919 บาท เพิ่มขึ้นกว่า 1,900%
  • พลาสเตอร์ปิดแผลขนาด 6 เซนติเมตร ซึ่งราคาทั่วไปแผ่นละ 25 บาท กลับถูกเรียกเก็บถึง 224 บาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 700%
  • ถุงมือยางทางการแพทย์จากราคาท้องตลาด 2.5 บาทต่อชิ้น เพิ่มเป็น 17 บาท (580%)
  • สำลีก้อนขนาดเล็กจาก 0.10 บาท เพิ่มเป็น 7 บาทต่อก้อน (6,900%)

กรณีเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านราคาค่ารักษาและเวชภัณฑ์ที่ ไม่มีเพดานควบคุม และขาดความโปร่งใสอย่างรุนแรง สภาผู้บริโภคจึงย้ำข้อเสนอให้รัฐกำหนด ราคามาตรฐาน สำหรับเวชภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ เพื่อไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของระบบที่เน้นผลกำไรเกินสมควร

ชงข้อเสนอกำหนดเพดานราคา

ตั้งแต่ ปี 2562 สภาผู้บริโภคมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ค่ายา ค่าเวชภัณฑ์ และค่าบริการทางการแพทย์ ถูกประกาศให้เป็น “สินค้าควบคุม” โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ ถึงแม้มาตรการที่ออกมายังเป็นเพียงแค่การแสดงราคาในรูปแบบ QR Code ให้ผู้ป่วยทราบก่อนตัดสินใจเท่านั้น ซึ่งยังไม่ใช่การ “ควบคุมราคาอย่างแท้จริง” เพราะปัญหาการเรียกเก็บค่ารักษาในอัตราที่สูงเกินจริงยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ดังนั้น สภาผู้บริโภคจึงได้ยื่นข้อเสนอสำคัญต่อ คณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม, อนุกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค และ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อหามาตรการควบคุมที่เป็นรูปธรรม และให้เกิดการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ ในราคาที่เป็นธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ขอให้ คณะกรรมการว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.) ออกประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการตามมาตรา 25 (1)(2) และ (5) เพื่อให้ครอบคลุมถึงการกำหนดราคาซื้อหรือราคาจำหน่ายยารักษาโรค เวชภัณฑ์ หรือค่าบริการ ค่ารักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์และบริการอื่นของสถานพยาบาล หรือ กำหนดอัตรากำไรสูงสุดต่อหน่วยของยารักษาโรค เวชภัณฑ์ หรือค่าบริการ รักษาพยาบาล บริการทางการแพทย์ และบริการอื่นของสถานพยาบาลแทนการแจ้งราคาซื้อ และ ราคาจำหน่าย เพียงอย่างเดียว

2. ขอให้มีผู้แทนจากผู้บริโภคเข้าเป็นคณะกรรมการว่าด้วยสินค้าและบริการ (กกร.)

“สาเหตุหลักของปัญหานี้ เป็นเพราะไม่มีการควบคุมราคาค่ารักษา โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐที่ต้องกำกับดูแลปล่อยปละละเลย ทำให้โรงพยาบาลเอกชนคิดราคาค่ารักษาได้โดยไม่มีเพดานกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่า ละเมิดสิทธิผู้บริโภค” นพ.ขวัญประชาเผยถึงสาเหตุหลักของปัญหา

นพ.ขวัญประชา กล่าวเสริมว่า การที่รัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนนโยบายลดค่ารักษาพยาบาล ยา และเวชภัณฑ์ ในโรงพยาบาลเอกชน ถือเป็นสัญญาณที่ดี และสภาผู้บริโภคเองคาดหวังว่า รัฐบาลจะหยิบยกนำเอาข้อเสนอจากสภาผู้บริโภคไปร่วมพิจารณา รวมถึงผลักดันให้เรื่องนี้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อปลดล็อคต้นทุนการรักษาที่ไม่เป็นธรรม และ คืนสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมให้กับประชาชนทุกคน

นอกจากนี้ อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ กำลังศึกษาเพื่อพิจารณาเสนอแก้ไขกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ. สถานพยาบาล ภาคประชาชน ให้มีการกำหนดเพดานค่ารักษา ค่ายาและเวชภัณฑ์ คุมกำไรค่ารักษา ค่ายา และเวชภัณฑ์ต่อหน่วย เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม หากผู้บริโภคพบปัญหาถูกเรียกเก็บค่ารักษาแพงเกินจริง ร้องเรียนได้ที่สายด่วนสภาผู้บริโภค 1502 หรือร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 20 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์  https://www.tcc.or.th/tcc-agency/

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง