
ราคาพิเศษ ที่ไม่พิเศษจริง เมื่อราคาไม่ตรงป้ายทำให้เข้าใจผิด ถือเป็นประสบการณ์ที่ผู้บริโภคหลายคนอาจเคยเจอ ชวนดูกรณีศึกษาที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาสิทธิของผู้บริโภค
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อผู้บริโภคคนหนึ่งเดินเลือกซื้อของใช้ในห้างสรรพสินค้า และสายตาก็ไปสะดุดกับ น้ำมันพืช ที่ติดป้ายว่า ราคาพิเศษ สีเหลืองสะดุดตา ระบุว่าลดจาก 50 บาท เหลือเพียง 47 บาท ด้วยความรู้สึกว่าได้ของดีราคาถูก จึงหยิบใส่ตะกร้าทันทีพร้อมกับสินค้าอื่น ๆ
แต่เรื่องราวไม่ได้จบลงที่การได้ของลดราคา เมื่อกลับมาถึงบ้านและตรวจสอบใบเสร็จอย่างละเอียด ก็พบว่า น้ำมันขวดนั้นไม่ได้ลดราคาตามป้ายที่ระบุไว้เลย แท้จริงแล้ว ร้านค้าได้มีการติดป้ายโปรโมชันล่วงหน้า 1 วัน ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดและต้องจ่ายเงินเต็มจำนวน
แม้เงินจะน้อย แต่สิทธิต้องได้รับการคุ้มครอง
แม้ส่วนต่างของราคาจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ผู้บริโภครายนี้ไม่ได้นิ่งเฉย กลับมองว่าสิทธิของผู้บริโภคควรได้รับการคุ้มครอง จึงเดินหน้าปกป้องสิทธิของตัวเองด้วยการ แจ้งไปยังคอลเซ็นเตอร์ของร้านค้า เพื่อสะท้อนปัญหาและให้ร้านค้าไปปรับปรุง และในที่สุด ร้านค้าก็คืนเงินส่วนต่างให้กับผู้บริโภครายนี้
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ไม่ว่าจำนวนเงินจะเล็กน้อยเพียงใด สิทธิของผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรักษาสิทธิของตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้น ยังเป็นการผลักดันให้ร้านค้าและผู้ประกอบการตระหนักถึงความรับผิดชอบ และปรับปรุงการบริการให้ดียิ่งขึ้น
ราคาสินค้าไม่ตรงป้ายที่แสดง ร้านค้ามีโทษปรับ
รู้หรือไม่ การที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าขายสินค้าไม่ตรงกับราคาป้ายที่แสดงนั้น เข้าข่ายมีความผิดตาม ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 43 ปี 2559 เรื่องการแสดงราคาขายปลีกสินค้าหรือค่าบริการ ข้อ 11 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “การแสดงราคาขายปลีกสินค้าหรือค่าบริการต้องแสดงให้ตรงกับราคาที่จำหน่ายหรือค่าบริการ” ถ้าไม่ทำ ร้านมีความผิดตามกฎหมาย โทษปรับถึง 1 หมื่นบาท
ก่อนซื้อของ สังเกตให้ดี
เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ ราคาไม่ตรงป้าย ผู้บริโภคสามารถสังเกตและตรวจสอบก่อนตัดสินใจซื้อได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. อ่านป้ายราคาอย่างละเอียด ไม่ใช่แค่ดูตัวเลขส่วนลด แต่ควรอ่านเงื่อนไขอื่น ๆ บนป้ายด้วย เช่น วันที่เริ่มต้น – สิ้นสุดโปรโมชัน, สินค้าที่ร่วมรายการ หรือเงื่อนไขการซื้อเฉพาะ
2. ตรวจสอบราคากับสินค้า บางครั้งสินค้าที่จัดโปรโมชันอาจเป็นรุ่นหรือขนาดที่แตกต่างกันเล็กน้อย ควรเทียบรหัสสินค้า หรือรายละเอียดบนบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับป้ายราคา
3. สแกนราคา ณ จุดตรวจสอบ ร้านค้าส่วนใหญ่จะมีเครื่องสแกนราคาให้ลูกค้าตรวจสอบด้วยตัวเอง ควรยืนยันราคาสินค้าก่อนนำไปชำระเงิน
4. สอบถามพนักงาน หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับโปรโมชันหรือราคา ให้สอบถามพนักงาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนการตัดสินใจซื้อ
5. เปรียบเทียบราคาก่อน – หลังจัดโปรโมชัน เพื่อป้องกันร้านค้าคิดราคาเกินกว่าจากราคาขายปกติ
พบเห็นร้านค้าที่แสดงราคาไม่ตรงกับที่จำหน่าย สภาผู้บริโภคแนะนำให้เก็บหลักฐานการซื้อสินค้า เช่น ใบเสร็จรับเงิน หรือ ถ่ายภาพป้ายราคาที่ตรงกับสินค้า ไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งเรื่องร้านค้านั้น ๆ โดยตรงก่อน หากไม่ได้รับการแก้ไข สามารถร้องเรียนได้ที่กรมการค้าภายใน 1569 หรือสภาผู้บริโภค โทร 1502 หรือช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th
สภาผู้บริโภคขอเน้นย้ำว่า ผู้บริโภคไม่ควรยอมให้ตัวเองโดนเอาเปรียบไม่ว่าจำนวนเงินจะมากหรือน้อยก็ตาม เมื่อพบว่าร้านค้ามีการเรียกเก็บเงินเกินจริง หรือราคาไม่ตรงป้าย ควรรีบแจ้งและใช้สิทธิเรียกร้องของตนเองทันที เพราะการใช้สิทธิของผู้บริโภค ไม่ใช่เพียงเรื่องของการได้เงินคืน แต่คือการสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับผู้ประกอบการที่ต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค