หวั่นฟอร์มาลีนแช่เนื้อสัตว์ยังแพร่หลาย เรียกร้องตรวจเข้มโรงชำแหละ-ร้านหมูกระทะ-ปิ้งย่าง

สภาองค์กรของผู้บริโภค เรียกร้องปศุสัตว์-ท้องถิ่น-สาธารณะสุข ตรวจเข้มโรงงานผลิตเนื้อสัตว์และร้านอาหาร สร้างระบบเฝ้าระวังอาหารที่มีประสิทธิภาพ หวั่นผู้บริโภคกินอาหารไม่ปลอดภัย หลังพบโรงงานใช้ฟอร์มาลีนแช่เนื้อหมูและเครื่องในหมู-วัวจำนวนมาก พร้อมเรียกร้องหน่วยงานตรวจสอบร้านหมูกระทะ ร้านอาหารอีสาน ที่รับไปขาย

จากกรณีที่กรมปศุสัตว์และด่านกักกันสัตว์ชลบุรี เข้าตรวจสอบสถานประกอบกิจการผลิตแปรรูปวัตถุดิบเนื้อและเครื่องในสัตว์รายใหญ่ใน จ.ชลบุรี หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบผลิตเนื้อสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจากการตรวจสอบพบการผลิตวัตถุดิบชิ้นส่วนของเครื่องในวัวและชิ้นส่วนเครื่องในหมูมีการใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิต ทั้งฟอร์มาลิน โซดาไฟ และไฮโดรเจนเปอร์อ๊อกไซด์นั้น

วันนี้ (7 ธันวาคม 2565) ภก.ภาณุโชติ ทองยัง ประธานอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค (สอบ.) เรียกร้องให้กรมปศุสัตว์ หน่วยงานท้องถิ่น และสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง สร้างระบบเฝ้าระวังอาหารและผลิตภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบการผลิตและการแปรรูปอย่างเข้มข้น เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคจากอาหารที่ไม่ปลอดภัย พร้อมเรียกร้องหน่วยงานตรวจสอบร้านอาหารที่รับเนื้อหมู หรือเครื่องในสัตว์ไปขายในร้านหมูกระทะและร้านอาหารอีสานหลายแห่ง

ทั้งนี้ การเปิดร้านอาหารหรือการขายอาหาร ในทางกฎหมายถือเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค หรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยละแวกใกล้ ๆ ได้ ดังนั้น จึงมีการออกกฎหมาย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ที่ระบุว่า “ผู้ใดที่จะจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือสถานที่สะสมอาหาร ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน” โดยต้องทำหนังสือรับรองการแจ้ง หรือ ขอรับใบอนุญาตก่อนที่จะเปิดร้าน

“กรณีของโรงงานดังกล่าวที่ใช้สารเคมีอันตรายในกระบวนการผลิตอาหารนั้น หน่วยงานท้องถิ่นควรจะทราบหรือไม่ว่าโรงงานดังกล่าวไม่มีการขออนุญาตผลิตอาหาร รวมถึงยังไม่มีเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นไม่มีเอกสารใบอนุญาตค้าซากสัตว์ ไม่มีเอกสารเคลื่อนย้ายซากสัตว์ และไม่มีเอกสารรับรองให้จำหน่ายเนื้อสัตว์ เนื่องจากเป็นโรงงานที่ใหญ่พอสมควร ดังนั้น จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเป็นหูเป็นตา ตรวจสอบการผลิตโดยละเอียด สร้างระบบดักจับอาหารไม่ปลอดภัยโดยด่วน” ภก.ภาณุโชติ กล่าว

ประธานอนุกรรมการด้านอาหารฯ สภาองค์กรของผู้บริโภค ระบุว่า สารละลายฟอร์มัลดีไฮด์หรือฟอร์มาลีน เป็นวัตถุห้ามใช้ในอาหาร และหากใช้สารนี้กับอาหารหรือทำให้อาหารนั้นเกิดพิษภัยต่อผู้บริโภคจัดเป็นการผลิตและจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 151 (พ.ศ. 2536) แห่ง พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 และหากพบว่าผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์จะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อีกทั้งสารฟอร์มาลีนยังถูกจัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 2 ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 หากผลิต นำเข้า หรือมีไว้ครอบครองต้องขึ้นทะเบียน ต้องแจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบก่อน และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ซึ่งการผลิตหรือการนำเข้าต้องขึ้นทะเบียนวัตถุอันตรายก่อน แต่หากผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ในตามปัจจุบันมีการนำสารดังกล่าวมาใช้ในด้านอุตสาหกรรมเพื่อผลิตสินค้าต่าง ๆ เช่น พลาสติก สารเคลือบ กาว เป็นต้น ด้านการแพทย์ ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรค ดับกลิ่น ป้องกันการเสื่อมสลาย และคงสภาพเนื้อเยื่อในงานพยาธิวิทยา หรือใช้ในด้านการเกษตร รวมถึงใช้ผสมในผลิตภัณฑ์เพื่อฆ่าเชื้อโรคและเป็นสารกันบูด

ส่วนการสังเกตเนื้อหมู หรือ เครื่องในสัตว์ต่าง ๆ เบื้องต้นนั้น ภก.ภาณุโชติ แนะนำว่า ผู้บริโภคอาจสังเกตุได้จากสัมผัสของอาหารนั้นๆจะมีลักษณะผิดไปจากปกติของธรรมชาติ เช่น อาจมีลักษณะที่แข็งขึ้น หรือเมื่อโดนความร้อนจะมีกลิ่นของฟอร์มาลีนที่ระเหยออกมาและทำให้แสบจมูก แต่ทั้งนี้หากใส่ในปริมาณที่น้อยก็อาจจะไม่ได้กลิ่นก็ได้ เพราะความร้อนจะระเหยและทำให้ปริมาณฟอร์มาลีนลดน้อยลง อย่างไรก็ตามหากผู้บริโภคพบอาหารหรือกระบวนการผลิตที่ไม่ชอบมาพากล สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในท้องถิ่นได้ทันที


อ้างอิง :

https://www.thaipbs.or.th/news/content/322202, https://www.cooking.in.th/restaurant77/