จี้ รัฐเจรจา FTA ไทย-อียู รอบด้าน หวั่นกระทบผู้บริโภค เสี่ยงผูกขาด

จี้ รัฐเจรจา FTA ไทย-อียู รอบด้าน หวั่นกระทบผู้บริโภค เสี่ยงผูกขาด

จับตา เจรจา FTA ไทย-อียู เสี่ยงผูกขาดกระทบผู้บริโภค ยาแพง สูญเสียความมั่นคงทางอาหาร เกษตรกรเดือดร้อน เครือข่ายภาคประชาสังคมไทย จี้รัฐเจรจารอบด้าน ปกป้องผลประโยชน์ประชาชน

วันที่ 20 มิถุนายน 2568 เครือข่ายภาคประชาสังคมไทย 20 องค์กร ร่วมกับสภาผู้บริโภค แถลงจุดยืนต่อการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (EU) โดยแสดงความห่วงใยต่อผลกระทบที่จะเกิดกับ “ผู้บริโภคและประชาชนส่วนใหญ่” หากรัฐบาลเร่งรีบผลักดันข้อตกลงโดยไม่รอบคอบ

อภิวัฒน์ กวางแก้ว เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ภาคประชาสังคมกังวลต่อท่าทีการเจรจา FTA ไทย-อียู ที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากเกินไป โดยละเลยประเด็นสำคัญที่กระทบประชาชน เช่น เกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร สิ่งแวดล้อม สิทธิแรงงาน การเข้าถึงยา และระบบหลักประกันสุขภาพ

พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาที่หนักแน่นและละเอียดรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเป็นที่ตั้ง ไม่เร่งรัดเพียงเพื่อผลประโยชน์ระยะสั้นๆ จนกระทบผลเสียหายต่อสังคมในระยะยาว

ด้าน กรรณิการ์ กิตติเวชกุล รองประธาน กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) มีข้อสังเกตว่า การเร่งเจรจา FTA ไทย-อียูให้จบภายในสิ้นปี 2568 จะกลายเป็นแรงกดดัน ทำให้คณะเจรจาไม่สามารถทำงานอย่างอิสระและรอบคอบได้ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้นโยบายอย่างเปิดกว้าง ไม่กำหนดเส้นตาย และสนับสนุนให้หน่วยงานรัฐศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ในการเจรจา

พร้อมยังเสนอให้มีการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยเฉพาะมาตรา 178 ให้ประชาชนมีส่วนร่วม เข้าถึงข้อมูลการเจรจาระหว่างประเทศ และได้รับการเยียวยาอย่างเป็นธรรม พร้อมเสนอให้นำหลักการจากมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 มาปรับใช้และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

“ต้องย้ำว่าเราสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับที่มาควบคู่กับการต่อต้านการทำรัฐประหาร เพราะทุกครั้งที่ประเทศไทยรัฐประหารสำเร็จจะได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มทุนผูกขาด เพราะสามารถปรับเปลี่ยนกฎหมายในแบบที่รัฐบาลปกติทำไม่ได้ เห็นได้จากการล้มรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ทำให้กระบวนการเจรจาเอฟทีเอที่เคยเปิดโอกาสให้รัฐสภาและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบก็ถูกลบออกไปจากรัฐธรรมนูญปี 2560” กรรณิการ์ กล่าว

ทั้งนี้ ข้อกังวลที่ภาคประชาชนเป็นกังวลหากมีการดำเนินการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่กังวลที่สุดคือ ข้อเสนอด้าน ทรัพย์สินทางปัญญา ที่อาจทำให้ไทยต้องขยายสิทธิบัตรยาออกไปนานขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ราคายายังสูงต่อเนื่อง ผู้ป่วยที่พึ่งพาระบบหลักประกันสุขภาพ (บัตรทอง, ข้าราชการ, ประกันสังคม) อาจเดือดร้อน เพราะต้องรอหรือจ่ายแพงขึ้น โดยเฉพาะยาชีววัตถุ ยาใหม่ และยารักษาโรคเรื้อรัง

นอกจากนี้ยังอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมยาภายในประเทศ และทำให้การส่งเสริมนวัตกรรมด้านการแพทย์ในไทยชะงักลง

ส่วนการเปิดตลาดสินค้าเกษตรอาจทำให้ เนื้อหมู เครื่องในสัตว์ ข้าวโพด ถั่วเหลือง จากต่างประเทศทะลักเข้าไทย ราคาถูกจนเกษตรกรไทยแข่งขันไม่ได้ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคเสี่ยงเจอกับผลิตภัณฑ์ที่อาจไม่มีมาตรฐานด้านสุขอนามัยเพียงพอ

อีกข้อเรียกร้องสำคัญ ที่ไทยไม่ควรเข้าเป็นภาคี UPOV 1991 เนื่องจากจะกระทบสิทธิของเกษตรกรในการเก็บเมล็ดพันธุ์ไปปลูกต่อ และอาจทำให้เมล็ดพันธุ์มีราคาแพงจนเกษตรกรรายย่อยแบกรับไม่ไหว กระทบต่อความมั่นคงทางอาหารของทั้งประเทศ

สำหรับประเด็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากลดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม FTA สินค้าเหล่านี้จะไหลเข้ามามากขึ้น ทั้งจากบริษัทข้ามชาติและผู้ผลิตในอียู ทำให้ราคาถูกลง และส่งเสริมการบริโภคมากขึ้น ซึ่งกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของผู้บริโภค

ภาคประชาชนเสนอว่า ควรมีกฎหมายควบคุมภาษีสรรพสามิตล่วงหน้า หรือมาตรการป้องกันเร่งด่วน (safeguard) ที่บังคับใช้ทันทีหากพบผลกระทบ เพื่อปกป้องทั้งสุขภาพและผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ

การค้าดิจิทัล มีข้อกังวลว่าประเทศไทยอาจต้องยอมให้บริษัทข้ามชาติส่งข้อมูลผู้ใช้ข้ามพรมแดนได้โดยไม่มีข้อจำกัด ทั้งยังไม่สามารถกำหนดให้จัดเก็บข้อมูลในประเทศ ซึ่งเสี่ยงต่อการละเมิดความเป็นส่วนตัวของประชาชน หากรัฐไม่สามารถเก็บภาษีการให้บริการดิจิทัลจากต่างชาติได้ จะกระทบต่อรายได้ของประเทศในระยะยาว และทำให้ธุรกิจในประเทศเสียเปรียบ

นอกจากนี้ ภาคประชาชนได้คำถามกับท่าทีของรัฐบาลที่เร่งรัดให้เจรจา FTA ให้เสร็จภายในสิ้นปี 2568 โดยไม่เปิดเผยเนื้อหาให้สาธารณชนเข้าถึง นำมาสู่ข้อเสนอสำคัญคือ ขอให้หยุดเร่งรีบเจรจาครั้งนี้ และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนมีส่วนร่วม พร้อมให้รัฐสภาและองค์กรวิชาการตรวจสอบผลกระทบเชิงประจักษ์ก่อนลงนาม และแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการเจรจาระหว่างประเทศได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะทั้งหมดของภาคประชาสังคมที่ได้แถลงในเวทีครั้งนี้ไปยื่นให้กับคณะผู้เจรจาทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายอียูได้รับทราบเพิ่มเติมอีกครั้ง

สามารถอ่านแถลงการณ์ฉบับเต็มได้ที่ไฟล์แนบ